ชงใช้ระบบการศึกษาสร้างความเป็นพลเมือง – ครูระยอง


ชงใช้ระบบการศึกษาสร้างความเป็นพลเมือง

โรงเรียน - ครูระยอง

Print Friendly

ดร.สุทธศรี วงษ์สมาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ ได้มอบให้ตนรับข้อเสนอทางการศึกษาเพื่อสร้างความเป็นพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย ของสภาพัฒนาการเมือง ที่ต้องการส่งเสริมจิตสำนึกความเป็นพลเมือง สิทธิ และหน้าที่ของพลเมืองของเยาวชน โดยสภาพัฒนาการเมืองได้เสนอแนวการจัดการศึกษาเพื่อสร้างความเป็นพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย 12 แนวทาง ได้แก่

  1. ให้มีการจัดวางโครงสร้างทางการศึกษา เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับระบบประชาธิปไตย
  2. จัดทำแผนในการสร้างครู และบุคลากรทางการศึกษา
  3. ส่งเสริมและสนับสนุนให้โรงเรียนเป็นพื้นที่การฝึกฝนสังคมประชาธิปไตยให้กับทุกคน ตั้งแต่ระดับผู้บริหาร จนถึงนักการภารโรงให้ได้มีส่วนร่วมในการใช้ชีวิตการคิด และการบริหารจัดการสังคมที่ตนเป็นสมาชิก
  4. ส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการจัดการศึกษา เพื่อสร้างพลเมืองที่สอดคล้องกับความต้องการของชุนท้องถิ่น
  5. ส่งเสริมการใช้หลักประชาธิปไตยในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในชุมชนโรงเรียน
  6. ส่งเสริมให้มีการสอนความรู้ทางการเมืองในระบบการศึกษาอย่างเหมาะสมในแต่ละช่วงวัยของอายุตั้งแต่เด็ก
  7. ส่งเสริมให้มีการอบรมบ่มเพาะศีลธรรม
  8. เสริมสร้างความร่วมมือระหว่าง ศธ. กับสถาบัน และองค์กรต่างๆ ของรัฐ
  9. สร้างความเป็นพลเมืองทั้งในสถานศึกษาและสถาบันครอบครัว
  10. ผลิตสื่อ เพื่อการศึกษาและสาธารณะ เผยแพร่แนวคิดการสร้างพลเมืองในวิถีทางประชาธิปไตย
  11. ให้ความสำคัญกับยุทธศาสตร์การสร้างพลเมือง ของศธ. ปี 2553
  12. ส่งเสริมให้มีการอ่านศึกษารัฐธรรมนูญ เนื่องจากเป็นกฎหมายแม่บทที่สำคัญ

“ทางสภาพัฒนาการเมืองเห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องพัฒนาหลักสูตรการศึกษา เพื่อสร้างความเป็นพลเมืองในทุกระดับ ตั้งแต่เด็กเล็กจนถึงผู้ใหญ่ พร้อมทั้งขอให้ ศธ. นำเสนอแนวทางดังกล่าวไปสู่การปฏิบัติ เพื่อการสร้างพลเมืองในระบบการศึกษา ทั้งนี้จะนำข้อเสนอดังกล่าวรายงานต่อ รมว.ศึกษาธิการ และนายกรัฐมนตรีต่อไป” ปลัด ศธ. กล่าว.

ที่มา : เดลินิวส์

ข่าวอื่นๆ

แสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

ก.ค.ศ.ไฟเขียวโยกย้าย 20 ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา – ครูระยอง


ก.ค.ศ.ไฟเขียวโยกย้าย 20 ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา

ประกาศผลคัดเลือก - ครูระยอง

Print Friendly

นางศิริพร กิจเกื้อกูล เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.) ​เปิดเผยว่าจากการประชุมก.ค.ศ.ที่มีพลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เป็นประธานเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน ว่าที่ประชุมยังอนุมัติย้ายและบรรจุแต่งตั้งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา(ผอ.สพท.) 20 ราย ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)เสนอได้แก่ อนุมัติย้ายและแต่งตั้งให้

  • นายกิตติพงศ์ พิพัฒน์ศิวพงศ์ ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา(สพม.) เขต 38 เป็น ผอ.สพม. เขต 39

และอนุมัติบรรจุและแต่งตั้งผอ.สพท.จากรายชื่อผู้สอบแข่งขันได้ 19 ราย ประกอบด้วย

  • นายอำนาจ บุญทรง เป็น ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา(สพป.)สระบุรี เขต 1
  • นายศักดิ์นิพน สว่างวงศ์ เป็นผอ.สพป.สมุทรปราการ เขต 2
  • นายวิญญู สันติภาพวิวัฒนา ผอ.สพป.ลำพูน เขต 1
  • นายสง่า ศรีงาม เป็นผอ.สพป.ฉะเชิงเทรา เขต 2
  • นายอภินันท์ บุญรอด เป็นผอ.สพป.พะเยา เขต 2
  • นายประนอม เชื้อหมอ เป็นผอ.สพป.เชียงราย เขต 2
  • นายไพรวัลย์ จันทะนะ เป็น ผอ.สพป.ลำปาง เขต 2
  • นายธานินทร์ ชลจิตต์ เป็นผอ.สพป.ชลบุรี เขต 2
  • นายภูมิพัทร เรืองแหล่ เป็นผอ.สพป.เลย เขต 3
  • นางสุดา สุขอ่ำ เป็น ผอ.สพป.จันทบุรี เขต 2
  • นายพรชัย โพคันโย เป็น ผอ.สพป.เชียงใหม่ เขต 5
  • นายรอง ปัญสังกา เป็นผอ.สพป.แพร่ เขต 2
  • นายสุดใจ มอญรัต เป็น ผอ.สพป.กาญจนบุรี เขต 3
  • นายวุฒิพล ฉนำกลาง เป็นผอ.สพป. แม่ฮ่องสอน เขต 2
  • นายสมรักษ์ ถวาย เป็น ผอ.สพป.แม่ฮ่องสอน เขต 1
  • นายประหยัด สุขขี เป็นผอ.สพป.นราธิวาส เขต 3
  • นายสมชาย รองเหลือ เป็น ผอ.สพม.เขต 38
  • นายเกรียงพงศ์ ภูมิราช เป็น ผอ.สพม.เขต 9
  • นายพะยอม วงษ์พูล ดำรงตำแหน่ง ผอ.สพม. เขต 42

ที่มา : มติชน

ข่าวอื่นๆ

แสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

เปิดรายชื่อ49ว่าที่ผอ.เขตพื้นที่การศึกษา – ครูระยอง


เปิดรายชื่อ49ว่าที่ผอ.เขตพื้นที่การศึกษา

กระทรวงศึกษาธิการ

Print Friendly

นางรัตนา ศรีเหรัญ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ตนในฐานะปฏิบัติราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ได้ลงนามในประกาศสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) เรื่องการพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาก่อนแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) รุ่นที่ 2  ซึ่งมีผู้ผ่านการอบรมและพัฒนา เพื่อรอแต่งตั้งให้เป็น ผอ.สพท.จำนวน 49 ราย ได้แก่ 

  1. นายสมรักษ์ ถวาย
  2. นายวันชาติ บัวสิงห์
  3. นายภูมิพัทธ เรืองแหล่
  4. นายเจริญ จำรัสกลาง
  5. นายพัฒนะ งามสูงเนิน
  6. นายนิวัฒน์ แก้วเพชร
  7. นายชูเกียรติ ก่อเกิด
  8. นายวิญญู สันติภาพวิวัฒนา
  9. นายยงศักดิ์ เชาวน์วุฒิกุล
  10. นายธานินทร์ ชลจิตต์
  11. นายไพศาล ปันแดน
  12. นายธันวา ดีช่วย
  13. นายอภิชัย ทำมาน
  14. นายวุฒิพล ฉนำกลาง
  15. นายณัฏฐ์พัชร์ ศรีสังข์
  16. นายสิงห์ โพธิ์งาม
  17. นายตั้ง อสิพงษ์
  18. นายไพจิต ไชยฤทธิ์
  19. นายประหยัด สุขขี
  20. นายสม พุ่มแก้ว
  21. นายเกรียงพงศ์ ภูมิราช
  22. นายสุดใจ มอญรัต
  23. นายประถม เชื้อหมอ
  24. นายอำนาจ บุญทรง
  25. นายบุญชู จันทร์ดำ
  26. นายพีรพงศ์ สุรเสน
  27. นายวัลลภ รองพล
  28. นายบรรพ์ ใสแจ่ม
  29. นายสะอาด อุสมา
  30. นางสุดา สุขอ่ำ
  31. นายสมชาย รองเหลือ
  32. นายสง่า ศรีราม
  33. นายพรชัย โพคันโย
  34. นายภัญญู ภูริศรี
  35. นายบุญสืบ กลิ่นธรรม
  36. นายธนัญชัย สายสุด
  37. นายไพรวัลย์ จันทะนะ
  38. นายรอง ปัญสังกา
  39. นายอภินันท์ บุญรอด
  40. นายศักดิ์นิพน สว่างวงศ์
  41. นายธีระวัฒน์ วรรณนุช
  42. นายคำจันทร์ รัตนอุปการ
  43. นายมรกต กลัดสะอาด
  44. นายทวีศิลป์ สารแสน
  45. นายอดิศักดิ์ มุ่งชู
  46. นายโกศล ฐานะ
  47. นายอดุลย์ศักดิ์ บุญเอนก
  48. น.ส.รัตติมา พานิชอนุรักษ์
  49. นายพยอม วงษ์พูล

” ในขั้นตอนจากนี้ไปจะมีการพิจารณาแต่งตั้งผู้ที่ผ่านการพัฒนาว่าจะให้ดำรงตำแหน่งในเขตพื้นที่การศึกษาใด โดยจะพิจารณาจากตำแหน่งที่ว่างและความจำนงของผู้ผ่านการพัฒนาที่ได้ระบุไว้ จากนั้นจะเสนอรายชื่อให้ที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษา (ศธ.)เป็นประธาน พิจารณาเห็นชอบในการประชุมครั้งต่อไป” นางรัตนา กล่าว

ที่มา : เดลินิวส์

ข่าวอื่นๆ

แสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

สพฐ.ปฏิรูปเรียนรู้รับอาเซียน – ครูระยอง

Print Friendly

นายกมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้วางงานการปฏิรูปการเรียนรู้ทั้งระบบ ภายในปี 2558 โดยปฏิรูปการเรียนรู้ นำกระบวนการจัดการเรียนการสอน หรือจัดกิจกรรมให้เด็ก โดยการเริ่มปรับกระบวนการเรียนการสอน เช่น สอนแบบบูรณาการมากขึ้น สอนการบ้านโดยให้เด็กทำโครงงานมากขึ้น หรือสอนภาษาโดยเน้นการสื่อสารมากขึ้น หรือการกำหนดกิจวัตรประจำวันของเด็กให้สอดคล้องกับสิ่งที่เหมาะสม

เลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อว่า นอกจากนี้จะยกระดับคุณภาพการศึกษาและการสร้างโอกาสให้กับเด็ก โดยเรื่องยกระดับคุณภาพการศึกษา จะพัฒนา ร.ร. โดยใช้สื่อไอซีทีเพื่อการศึกษาแบบต่างๆ หรือยกระดับ ร.ร.เป็นกลุ่มๆ ส่วนโอกาสทางการศึกษาจะเน้นเรื่องการปรับค่าใช้จ่ายรายหัว เพื่อสร้างโอกาสให้เด็กเข้ามาเรียนมากขึ้น แต่มีค่าใช้จ่ายน้อยลง

“รวมถึงอาเซียนเป็นตัวนำในการยกระดับการใช้ภาษาอังกฤษของเด็กเพื่อการสื่อสาร เพื่อให้เด็กพูดเป็น สื่อสารได้ ในระดับที่น่าพอใจ พร้อมปรับตัวเนื้อหาการสอนอาเซียน ให้เด็กเรียนรู้เรื่องเศรษฐกิจ การค้าขายกับอาเซียน เรียนรู้เรื่องภาษีอากร การค้าขายข้ามชาติ กฎหมายความมั่นคง รวมถึงเรียนรู้เรื่องเชิงสังคมและวัฒนธรรมเกี่ยวกับประวัติศาสตร์แบบสมานฉันท์ และพัฒนาเรื่องครู โดยครูทุกคนต้องได้รับการอบรมเทคนิคการสอนวิชาเฉพาะที่สอนอยู่ และอบรมเกี่ยวกับนโยบายหรือทิศทางการศึกษาไทย อย่างน้อย 2 ครั้ง” นายกมลกล่าว

ที่มา : moe

สมศ.ขอสถาบัน ‘จัดเก็บข้อมูลให้ดี’ ช่วยประเมินคุณภาพ – ครูระยอง

Print Friendly

สมศ.เผยผลประเมินรอบสาม พบปัญหาคุณภาพสถาบันลดลง ขอโรงเรียนจัดเก็บข้อมูลให้ดี หลังพบยังมีปัญหานำฐานข้อมูลมาใช้ไม่ได้ จนรู้สึกว่า สมศ.สร้างภาระ รวมถึงไม่นำผลประเมินไปพัฒนาคุณภาพต่อ ขณะข้อร้องเรียน “ให้ยุบ สมศ.”ต้องกลับไปดูสาเหตุก่อน…

ศ.ดร.ชาญณรงค์ พรรุ่งโรจน์ ผู้อำนวยการสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) หรือ สมศ. เปิดเผยว่า ผลการประเมินคุณภาพภายนอกรอบที่สามที่ผ่านมา ใน 20 จังหวัด พบว่า มีสถานศึกษาในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานมีคุณภาพการศึกษาลดลง เปลี่ยนจากสถานภาพรับรองเป็นไม่รับรองมีจำนวนมากกว่า และมีสถานศึกษาที่มีคุณภาพดีขึ้นถึง 3 เท่า คือ เปลี่ยนจากสถานภาพไม่รับรองเป็นรับรอง เมื่อนำมาวิเคราะห์พบว่า สาเหตุของคุณภาพที่ลดลงมาจากผู้บริหาร โดยเฉพาะตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียน ซึ่งต้องทำงานแบบเอาจริงเอาจัง นอกจากนี้ ยังพบปัญหาการโยกย้ายบุคลากร ทั้งผู้บริหารหรือครูโอนย้าย ทำให้ความรู้ติดตัวไปด้วย ประกอบกับคนไทยไม่มีพฤติกรรมการทำงานเป็นวิถีชีวิตคุณภาพ คือ ไม่บันทึกการทำงานไว้ ดังนั้น เมื่อ สมศ. เข้าประเมิน 1 เดือนก่อนการประเมินจึงรู้สึกเครียด เพราะต้องทำข้อมูลเอกสารหรือผลงานที่ทำมาเพื่อรับการประเมิน จึงรู้สึกว่า สมศ.สร้างภาระ

ศ.ดร.ชาญณรงค์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังพบปัญหาสำคัญตอนนี้ คือ การไม่นำผลประเมินไปใช้ เพื่อพัฒนาคุณภาพ ซึ่งเป็นความผิดพลาดอย่างมากของสถาบัน ซึ่งการไม่จัดเก็บข้อมูลที่ดี ไม่มีระบบฐานข้อมูลที่ใช้ประโยชน์ได้ ทำให้เมื่อต้องมารื้อฟื้นสิ่งที่ทำมาทั้งหมดในเวลาสั้นๆ อาจทำให้ผลประเมินไม่สะท้อนคุณภาพที่แท้จริง ดังนั้น สถานศึกษาทุกแห่งควรทำระบบฐานข้อมูลและจัดเก็บเอกสารให้เป็นปัจจุบัน เมื่อ สมศ.เข้ารับการประเมินเมื่อไรก็นำผลงานมาแสดงได้
สำหรับกรณีสถาบันอุดมศึกษาต่อต้านการประเมินคุณภาพภายนอกนั้น ศ.ดร.ชาญณรงค์ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องเปรียบเทียบกับต่างประเทศ ไม่มีประเทศใดที่ปฏิเสธการตรวจสอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับอุดมศึกษา มีการกระจายอำนาจไปสู่สภามหาวิทยาลัย การตรวจสอบยิ่งต้องเข้มข้นขึ้นและต้องตรวจสอบให้บ่อยมากขึ้น การปฏิเสธการประเมิน โดยขอให้ยุบ สมศ.และไม่ต้องการรับผลการประเมินคุณภาพภายนอกและนำไปใช้นั้น ต้องวิเคราะห์ว่า สาเหตุเป็นเพราะอะไร และสิ่งที่ สมศ.ประเมินที่ผ่านมาจะเป็นภาระหรือเพิ่มงานให้สถานศึกษามากขึ้นอย่างไร ซึ่งต้องบอกให้ได้ตัวบ่งชี้ไม่สะท้อนคุณภาพอย่างไร เช่น ดูเรื่องของศิษย์เก่า หรือตำแหน่งทางวิชาการของอาจารย์มหาวิทยาลัย เป็นต้น

“ที่ผ่านมา สมศ.เชิญมหาวิทยาลัยเข้ามาร่วมสร้างตัวชี้วัด สร้างมาตรฐานร่วมกันให้สอดคล้อง เพราะการประเมินในระดับมหาวิทยาลัยขณะนี้มันมีความหลากหลายมาก เพราะแต่ละแห่งไม่เหมือนกัน แต่เนื่องจาก สมศ.ใช้เกณฑ์เดียวประเมินทุกสถาบัน เนื่องจากเป็นเกณฑ์มาตรฐานขั้นต่ำ สถาบันอุดมศึกษาอาจจะรู้สึกได้เปรียบเสียเปรียบกัน เกณฑ์การประเมินคุณภาพของ สมศ.ก็เหมือนกับเกณฑ์ของ อย.ที่มีมาตรฐานเดียว แต่ทางสถาบันอุดมศึกษาต้องการให้ สมศ.จัดเกณฑ์ให้หลายมาตรฐานสอดคล้องธรรมชาติหรือบริบทแต่ละมหาวิทยาลัย ซึ่ง สมศ.ได้ให้มหาวิทยาลัยจัดกลุ่มมหาวิทยาลัย มาระยะหนึ่งแล้วจนบัดนี้ยังไม่มีความคืบหน้าแต่ประการใด” ผอ.สมศ. กล่าว

ที่มา : ไทยรัฐ

Our partners from Mexico:
Productos de salud
Carlos Torre