ก.ค.ศ.เห็นชอบหลักเกณฑ์ความก้าวหน้าบุคลากรทางการศึกษาอื่น 38ค.(2)

คณกรรมกระทรวงศึกษาธิการ

Print Friendly

พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 13/2557 เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2557 ที่ห้องประชุมสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ว่าที่ประชุมได้เห็นชอบหลักเกณฑ์ฯ ปรับปรุงการกำหนดตำแหน่งระดับชำนาญการพิเศษ และแก้ไขกฎ ก.ค.ศ. เกี่ยวกับเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง ของบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค.(2) ในเขตพื้นที่การศึกษา

  • เห็นชอบร่างหลักเกณฑ์และวิธีการปรับปรุงการกำหนดตำแหน่งให้เป็นตำแหน่งที่มีระดับสูงขึ้น ตามกรอบอัตรากำลัง สำหรับตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค.(2) ตำแหน่งประเภทวิชาการ ให้เป็นระดับชำนาญการพิเศษ ในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา โดยมีหลักการสำคัญดังนี้
  1. ต้องไม่เปลี่ยนประเภทตำแหน่งและสายงาน
  2. ต้องเป็นไปตาม กฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยการจัดประเภทตำแหน่ง ระดับตำแหน่ง การให้ได้รับเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งของบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค.(2) และมาตรฐานตำแหน่งของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค.(2)
  3. จะดำเนินการได้เมื่อได้จัดข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค.(2) ให้ดำรงตำแหน่งตามกรอบอัตรากำลังใหม่ และ ก.ค.ศ.รับทราบคำสั่งแล้ว
  4. ให้ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา เป็นผู้พิจารณาลักษณะหน้าที่และความรับผิดชอบ ปริมาณงาน คุณภาพของงาน และความยุ่งยากในงานของตำแหน่ง หากเพิ่มขึ้นหรือเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญ ต้องจัดให้มีการประเมินคุณภาพงานของตำแหน่งตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ค.ศ. กำหนด
  5. ให้มีกรรมการประเมินค่างาน รวม 3 คน เกณฑ์ผ่านการประเมินค่างาน ต้องมีผลการประเมินของกรรมการแต่ละคนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของคะแนนเต็ม หากไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินสามารถขอรับการประเมินได้ใหม่ในอีก 1 ปีต่อไป
  6. เมื่อ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา พิจารณาให้ปรับระดับตำแหน่งใดเป็นระดับชำนาญการพิเศษ ให้ผู้มีอำนาจตามมาตรา 53 ดำเนินการคัดเลือกและประเมิน ตามหลักเกณฑ์และวิธีการตามหนังสือสำนักงาน ก.พ. ที่ นร 1006/ ว10 ลงวันที่ 15 กันยายน 2548
  7. การแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว ตามข้อ 6 ไม่ผูกพันกับผู้ดำรงตำแหน่งอยู่เดิม
  • เห็นชอบให้มีการแก้ไขกฎ ก.ค.ศ. การจัดประเภทตำแหน่ง ระดับ ตำแหน่ง การให้ได้รับเงินเดือน และเงินประจำตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่น ตามมาตรา 38 ค.(2) โดย
  1. ตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชำนาญการและระดับชำนาญการพิเศษ เดิมกำหนดไว้ 2 สายงาน คือ สายงานพยาบาลวิชาชีพ และ สายงานวิชาการคอมพิวเตอร์ จึงได้กำหนดเพิ่มเติมสายงานอื่นที่ ก.ค.ศ. กำหนด ทั้งนี้เพื่อรองรับตำแหน่งในสายงานอื่นที่อาจเกิดขึ้นภายหลัง เพื่อประโยชน์ในการรับเงินประจำตำแหน่ง
  2. ตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับเชี่ยวชาญ เดิมกำหนดไว้ 3 สายงาน คือ สายงานนิติการ สายงานวิเคราะห์นโยบายและแผน และสายงานวิชาการศึกษา ในครั้งนี้กำหนดเพิ่ม สายงานทรัพยากรบุคคล

ที่มา : moe

ข่าวอื่นๆ

แสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

แนะฟื้นสัมพันธภาพที่ดีระหว่างครู-นักเรียน จี้ปรับโฉมการเรียนรู้ในชั้น

ปฏิรูป นโยบายของการศึกษาไทย

Print Friendly

จากการเสวนาปฏิรูปการเรียนรู้สู่การศึกษาเพื่อคนทั้งมวล เรื่อง “ไขกุญแจการปฏิรูปการศึกษาไทย : หัวใจสำคัญคือความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างครูกับเด็ก” จัดโดยสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า ระบบ การศึกษาไทยกำลังถูกสึนามิการเปลี่ยนแปลง ทั้งปัญหาสังคม พ่อแม่ไม่อยู่บ้าน ไม่มีเวลา เด็กกำพร้าเทียม ทุกอย่างเป็นดิจิตอลเข้าถึงข้อมูลง่าย ผลพวงก่อให้เกิดการอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ กุญแจสำคัญของการปฏิรูปการศึกษาต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงการเรียนรู้ในชั้นเรียน ซึ่งอยู่ที่ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างครูและนักเรียน และถือเป็นหัวใจสำคัญของการศึกษาตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว

นพ.ธีระเกียรติกล่าวอีกว่า ระบบการศึกษาและหลักสูตรการเรียนการสอนของไทยเป็นอุปสรรคที่ขวางกั้นความสัมพันธ์ระหว่างครูกับเด็ก ไม่เอื้อต่อการสอนของครูและไม่เป็นไปตามพัฒนาการของเด็กในแต่ละช่วงวัย ดังนั้น มูลนิธิยุวสถิรคุณจึงน้อมนำพระราชดำรัสมาเป็นหัวใจของการปฏิรูป ผสมผสานงานวิจัยด้านการศึกษาระดับโลกของศาสตราจารย์แฮตตี้ จนได้รูปแบบการพัฒนาที่มีประสิทธิภาพสูงต่อการพัฒนาการศึกษา โดยมีโรงเรียนพันธมิตร 4 แห่งที่นำรูปแบบดังกล่าวไปทดลองใช้ คือ ร.ร.จิตรลดา ร.ร.วัดรางบัว ร.ร.สัตยาไส และ ร.ร.บางมูลนาก ซึ่งผลที่เกิดขึ้นใน 4 โรงเรียนยืนยันถึงความสำเร็จของแนวทางการสอนดังกล่าวได้เป็นอย่างดี

ด้าน ศ.กิตติคุณ สุมน อมรวิวัฒน์ ราชบัณฑิต กล่าวว่า การศึกษาต้องเน้นสัมพันธภาพตามแนวพระราชดำริ ให้คนได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ทุกคนรู้จักกันและทำให้เกิดเครือข่ายความสัมพันธ์ ส่วนผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น และเรื่องสุดท้ายที่เน้นมากคือ สัมพันธภาพในวงการศึกษา เพราะขณะนี้คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องแยกจากกัน หรือแม้กระทั่งหลักสูตรและการเรียนรู้ ของเด็กยุคไอทีก็แยกเด็กจากพ่อแม่ และครู.

ที่มา : ไทยรัฐ

ข่าวอื่นๆ

แสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

สพม.13 เรียกบรรจุครูผู้ช่วย จำนวน 2 อัตรา 2 กลุ่มวิชา

ครูระยอง-เรียกบรรจุ

Print Friendly

สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 13 เรียกบรรจุครูผู้ช่วย มารายงานตัว ในวันที่ 8 ธันวาคม 2557 เวลา 09.00-10.00 น. ณ ห้องประชุมสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 13 จำนวน 2 อัตรา 2 กลุ่มวิชา ดังนี้

  1. กลุ่มวิชาภาษาอังกฤษ จำนวน 1 อัตรา
  2. กลุ่มวิชาภาษาไทย จำนวน 1 อัตรา
สพม.13 เรียกบรรจุครูผู้ช่วย จำนวน 2 อัตรา 2 กลุ่มวิชา

สพม.13 เรียกบรรจุครูผู้ช่วย จำนวน 2 อัตรา 2 กลุ่มวิชา

>> รายละเอียด <<

ข่าวอื่นๆ

แสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

สพป.อยุธยา เขต 2 เรียกบรรจุครูผู้ช่วย จำนวน 34 อัตรา 12 กลุ่มวิชา

ครูระยอง-เรียกบรรจุ

Print Friendly

สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต 2 เรียกบรรจุครูผู้ช่วย มารายงานตัว ในวันที่ 15 ธันวาคม 2557 เวลา 09.00-09.30 น. ณ ห้องประชุมจินดาอินทร์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต 2 จำนวน 34 อัตรา 12 กลุ่มวิชา

  1. กลุ่มวิชาภาษาอังกฤษ จำนวน 7 อัตรา
  2. กลุ่มวิชาภาษาไทย จำนวน 2 อัตรา
  3. กลุ่มวิชาสังคมศึกษา จำนวน 1 อัตรา
  4. กลุ่มวิชาคณิตศาสตร์ จำนวน 6 อัตรา
  5. กลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์ จำนวน 2 อัตรา
  6. กลุ่มวิชาปฐมวัย จำนวน 9 อัตรา
  7. กลุ่มวิชาคอมพิวเตอร์ จำนวน 1 อัตรา
  8. กลุ่มวิชาพลศึกษา จำนวน 1 อัตรา
  9. กลุ่มวิชาดนตรีไทย จำนวน 2 อัตรา
  10. กลุ่มวิชานาฏศิลป์ จำนวน 1 อัตรา
  11. กลุ่มวิชาประถมศึกษา จำนวน 1 อัตรา
  12. กลุ่มวิชาศิลปะ จำนวน 1 อัตรา

>> รายละเอียด <<

ข่าวอื่นๆ

แสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

สพป.สุพรรณบุรี เขต 2 เรียกบรรจุครูผู้ช่วย จำนวน 10 อัตรา 5 กลุ่มวิชา

ครูระยอง-เรียกบรรจุ

Print Friendly

สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุพรรณบุรี เขต 2 เรียกบรรจุครูผู้ช่วย มารายงานตัว ในวันที่ 15 ธันวาคม 2557 ณ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุพรรณบุรี เขต 2 จำนวน 12 อัตรา 5 กลุ่มวิชา ดังนี้

  1. กลุ่มวิชาภาษาอังกฤษ จำนวน 3 อัตรา
  2. กลุ่มวิชาภาษาไทย จำนวน 1 อัตรา
  3. กลุ่มวิชาปฐมวัย จำนวน 3 อัตรา
  4. กลุ่มวิชาประถมศึกษา จำนวน 3 อัตรา
  5. กลุ่มวิชาคอมพิวเตอร์ จำนวน 2 อัตรา
สพป.สุพรรณบุรี เขต 2 เรียกบรรจุครูผู้ช่วย จำนวน 10 อัตรา 5 กลุ่มวิชา

สพป.สุพรรณบุรี เขต 2 เรียกบรรจุครูผู้ช่วย จำนวน 10 อัตรา 5 กลุ่มวิชา

>> รายละเอียด <<

ข่าวอื่นๆ

แสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

สพป.สระบุรี เขต 2 เรียกบรรจุแต่งตั้งผู้สอบแข่งขันได้ ตำแหน่งครูผู้ช่วย

ครูระยอง-เรียกบรรจุ

Print Friendly

สพป.สระบุรี เขต 2 เรียกบรรจุแต่งตั้งผู้สอบแข่งขันได้ ตำแหน่งครูผู้ช่วย ปี พ.ศ.2557 จำนวน 6 กลุ่มวิชา รวม 26 ตำแหน่ง ในวันที่ 15 ธันวาคม 2557

สพป.สระบุรี เขต 2 เรียกบรรจุแต่งตั้งผู้สอบแข่งขันได้ ตำแหน่งครูผู้ช่วย ปี พ.ศ.2557 จำนวน 6 กลุ่มวิชา รวม 26 ตำแหน่ง ในวันที่ 15 ธันวาคม 2557

สพป.สระบุรี เขต 2 เรียกบรรจุแต่งตั้งผู้สอบแข่งขันได้ ตำแหน่งครูผู้ช่วย
ปี พ.ศ.2557 จำนวน 6 กลุ่มวิชา รวม 26 ตำแหน่ง ในวันที่ 15 ธันวาคม 2557

รายละเอียด บัญชีตำแหน่งว่าง ,รายชื่อเรียกบรรจุ ,เอกสารรายงานตัว ,สรุปการใช้บัญชี

ข่าวอื่นๆ

แสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

สพป.นนทบุรี เขต 2 เรียกบรรจุครูผู้ช่วย จำนวน 10 อัตรา 4 กลุ่มวิชา

ครูระยอง-เรียกบรรจุ

Print Friendly

อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานนทบุรี เขต 2 จำนวน 10 อัตรา ในสาขาวิชาเอกดังนี้

  1. กลุ่มวิชาสังคมศึกษา จำนวน 4 อัตรา ลำดับที่ 11, 12, 13, 14
  2. กลุ่มวิชาการศึกษาปฐมวัย จำนวน 2 อัตรา ลำดับที่ 17, 18
  3. กลุ่มวิชานาฏศิลป์ จำนวน 1 อัตรา ลำดับที่ 5
  4. กลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์ จำนวน 3 อัตรา ลำดับที่ 25, 26, 27

ทั้งนี้ ได้มีหนังสือเรียกตัวไปยังผู้สอบแข่งขันได้เรียบร้อยแล้ว และให้มารายงานตัว เพื่อเลือกโรงเรียนในวันที่ 12 ธันวาคม 2557 เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุมคลองเกลือรวมใจ สพป.นนทบุรี เขต 2

>> รายละเอียด <<

ข่าวอื่นๆ

แสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

สพฐ.ตั้งกก.เปิดโต๊ะรับร้องทุกข์ปัญหา

กระทรวงศึกษาธิการ

Print Friendly

นายกมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาฯ กพฐ.) กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้ตั้งคณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองเรื่องราวร้องทุกข์ ร้องเรียน ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โดยมีนางรัตนา ศรีเหรัญ รองเลขาฯ กพฐ.เป็นที่ปรึกษา และนายชูชาติ ทรัพย์มาก ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านบริหารทรัพยากรบุคคลและนิติการ เป็นประธาน เพื่อทำหน้าที่กลั่นกรอง พิจารณารับเรื่องราวราวร้องทุกข์ ร้องเรียน ติดตามผลการดำเนินการและเสนอแนวทางแก้ไขปัญหา โดยแบ่งเรื่องร้องเรียนออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ประเภทที่ 1 เรื่องร้ายแรง ซึ่งมีผลกระทบต่อระบบ หรือมีการร้องเรียนไปยังสำนักนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) อาทิ กรณีสร้างสนามฟุตซอล เป็นต้น ประเภทที่ 2 เรื่องทั่วไป อาทิ ครูร้องเรียน ผอ. หรือ รร. ร้องเรียนกรรมการคุมสอบ การร้องเรียนภายในโรงเรียน ฯลฯ ซึ่งส่วนใหญ่มีการลงชื่อผู้ร้องเรียน และประเภทสุดท้าย บัตรสนเท่ห์ ซึ่งที่ผ่านมา สพฐ.มักไม่ค่อยนำมาพิจารณา แต่ในครั้งนี้จะต้องขอให้คณะกรรมการจัดทำระบบกลั่นกรองว่าเรื่องใดควรดำเนินการแบบใด

อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ สพฐ.ต้องตั้งคณะกรรมการชุดนี้ เพราะที่ผ่านมา สพฐ.ยังจัดการกับปัญหาที่ได้รับเรื่องร้องเรียนไม่ดีเท่าที่ควร เพราะการดำเนินการต้องเป็นไปตามลำดับขั้นตอน เริ่มตั้งแต่เขตพื้นที่การศึกษา สพฐ. รมว.ศึกษาธิการ จนไปถึงสำนักนายกฯ แต่ละขั้นตอนส่วนใหญ่จะใช้เวลาดำเนินการตรวจสอบนาน ขณะที่แต่ละวันมีผู้ร้องทุกข์จำนวนมากวันหนึ่งไม่ต่ำกว่า 10 เรื่อง ส่วนใหญ่ก็เป็นประเด็นร้องเรียนผู้บริหารระดับเขตพื้นที่ ผู้บริหารโรงเรียน และครู เพราะฉะนั้นตนจึงต้องการให้คณะกรรมการชุดนี้เข้ามาจัดการกับปัญหาต่างๆ เหล่านี้ คัดกรองและให้ความเห็นแก่ตนว่าเรื่องใดสำคัญที่ต้องเร่งจัดการเป็นพิเศษ
เลขาฯ สพฐ.กล่าวว่า ล่าสุดมีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงที่จังหวัดหนึ่งในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง ซึ่งจะมีการแต่งตั้งผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดเล็กในพื้นที่ แต่ปรากฏว่ามีการร้องเรียนว่ามีการเรียกรับเงินจากผู้ทรงคุณวุฒิในคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) เขตพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งมีหน้าที่ทำโพยได้เรียกรับเงินรายละ 5 แสนบาท หากใครให้ก็จะจัดให้ลงตามโพยที่กำหนด แต่ปรากฏว่าผู้บริหารโรงเรียนที่ประสงค์จะย้ายได้อัดเทปการเรียกรับเงินไว้ และนำเทปไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ จากนั้นเรื่องได้ถูกร้องไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด รมว.ศึกษาธิการ และ สพฐ. กรณีนี้คณะกรรมการชุดนี้ได้วิเคราะห์และให้ความเห็นว่าส่งผลกระทบต่อองค์กร ทำให้ สพฐ.เสียหาย ควรดำเนินการตามกฎหมาย และเท่าที่ได้ฟังเสียงในเทป ดูเหมือนว่าจะมีการทำแบบนี้มานาน เวลานี้ได้ตั้งคณะกรรมการสืบหาข้อเท็จจริง คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะรายงานผล จากนั้นตนจะสั่งการให้ดำเนินการแจ้งความในนาม สพฐ.ด้วย เพราะทำให้องค์กรได้รับความเสียหาย ขณะเดียวกันจะแจ้งให้คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ปลดบุคคลดังกล่าวพ้นจากตำแหน่ง.

ที่มา : ไทยโพสต์

ข่าวอื่นๆ

แสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

สพฐ.รณรงค์เยี่ยมบ้านนร.

Print Friendly

พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศธ. เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กำหนดปีการศึกษา 2557-2558 เป็นปีแห่งการดูแลช่วยเหลือและคุ้มครองนักเรียน และจัดเยี่ยมบ้านนักเรียนปีละ 2 ครั้ง เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคม ให้คำปรึกษา สงเคราะห์นักเรียนที่อยู่ในครอบครัวด้อยโอกาส ป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบกับนักเรียนในด้านต่างๆ และพัฒนาเครือข่ายผู้ปกครอง ชุมชน

รมช.ศธ. กล่าวว่า ได้มอบให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) สถานศึกษาในสังกัดกว่า 30,000 แห่ง พัฒนางานและเครือข่ายระบบการช่วยเหลือนักเรียนตามขั้นตอน ได้แก่ การรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล จากการศึกษาแฟ้มประวัติ และการเยี่ยมบ้านเป็นรายบุคคล การคัดกรองนักเรียน โดยการวิเคราะห์แบ่งเป็นกลุ่มปกติ กลุ่มเสี่ยง และกลุ่มมีปัญหา การจัดกิจกรรมส่งเสริมและพัฒนานักเรียน โดยกระบวนการจัดกิจกรรมโฮมรูม และการประชุมผู้ปกครองชั้นเรียน

ดำเนินการในครั้งที่ 1 ไปแล้วเมื่อเดือนส.ค. และครั้งที่ 2 จะจัดภายใต้แนวคิด “ธันวาคม เดือนแห่งการติดตามผลการเยี่ยมบ้านนักเรียน” เพื่อสนองพระราชปณิธาน ด้านการศึกษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว ที่ทรงมีพระราชประสงค์ให้ประชาชนมีการศึกษาอย่างทั่วถึงและมีคุณภาพ และเฉลิมพระเกียรติในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 87 พรรษา ในวันที่ 5 ธันวาคม 2557

ที่มา : ข่าวสด

ศธ.ผุดบอร์ดขับเคลื่อนปฏิรูปการศึกษา

กระทรวงศึกษาธิการ

Print Friendly

รศ.ดร.พินิติ รตะนานุกูล เลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) เปิดเผยความคืบหน้าการปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ว่า ขณะนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการอำนวยการปฏิรูปการศึกษาของ ศธ. โดยมี พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศธ. เป็นประธาน มีผู้ทรงคุณวุฒิร่วมเป็นกรรมการ อาทิ ดร.พารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา ศ.วิจารณ์ พานิช ศ.สมชัย ฤชุพันธ์ รศ.ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ ดร.สิริกร มณีรินทร์ และมีคณะที่ปรึกษา ประกอบด้วย ศ.นพ.กระแส ชนะวงศ์ นพ.ชูชัย ศุภวงศ์ ดร.มีชัย วีระไวทยะ นายตวง อันทะไชย และนางทิชา ณ นคร โดยจะมีการประชุมคณะกรรมการอำนวยการปฎิรูปฯในวันที่ 17 ธ.ค.นี้ ซึ่งตนจะนำข้อเสนอในการปฏิรูปการศึกษาในภาพรวมของ ศธ.ที่ รมว.ศธ.ให้ไปรวบรวม เสนอต่อที่ประชุม โดยมี 3 เรื่องหลักคือ การปฏิรูปเชิงนโยบาย การ ปฏิรูปการบริหารจัดการ และการปฏิรูปการเรียนรู้ ซึ่ง ในแต่ละเรื่องจะมีรายละเอียดต่างๆรวมทั้งเรื่องของการปรับโครงสร้าง ศธ.ที่จะมีการแยก สกศ. สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.)

เลขาธิการ สกศ.กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามในการประชุม ศธ.ที่ผ่านมา ทั้ง 3 องค์กรได้มีการนำเสนอการปรับโครงสร้างต่อที่ประชุม และที่ประชุมได้มอบหมายให้กลับไปจัดทำรายละเอียด หลังจากนี้ สกศ.จะรวบรวมข้อเสนอดังกล่าวเพื่อเตรียมนำเสนอต่อคณะกรรมการอำนวยการปฎิรูปฯต่อไป ทั้งนี้เบื้องต้นกระทรวงเกิดใหม่คงไม่มีหรืออาจจะมีกระทรวงการอุดมศึกษาตามที่ สกอ.เสนอ ซึ่งตนก็ยังไม่แน่ใจ สำหรับในส่วนของ สกศ.มีมุมมองจากภายนอกว่า ขณะนี้แนวทางการพัฒนาการศึกษากับกำลังคนไม่มีหน่วยงานรับผิดชอบโดยตรง จึงอยากเห็น สกศ.ไปทำหน้าที่ตรงนี้ ส่วนจะไปสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ยังไม่แน่ใจ ถ้าบทบาทจำเป็น ต้องไปสังกัดสำนักนายกฯก็ต้องไป อย่างไรก็ตาม ใน การประชุมวันที่ 17 ธ.ค.นี้ น่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจน

ด้าน ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) กล่าวว่า จากการประชุม ศธ.ได้มีการนำเสนอความคืบหน้าการปฏิรูปการศึกษาและการปรับโครงสร้างที่จะแยก สอศ. สกอ. และ สกศ. โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่า สอศ.จะเป็นทบวงการอาชีวศึกษา มีฐานะเป็นทบวงสังกัด ศธ. ส่วน สกศ.และ สกอ.จะแยกออกจาก ศธ. ซึ่งในส่วน ของ สกอ.ได้นำเสนอที่จะเป็นกระทรวงการอุดมศึกษา แต่ รมว.ศธ.เห็นว่าควรจะกลับไปเป็นทบวงมหาวิทยาลัยตามเดิม.

ที่มา : ไทยรัฐ

ข่าวอื่นๆ

แสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

Our partners from Mexico:
Productos de salud
Carlos Torre