ปลดล็อคเข้าสู่ตำแหน่งวิชาการสายรับใช้สังคม

ปฏิรูป นโยบายของการศึกษาไทย

Print Friendly

ผศ.นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ อธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ(มศว) เปิดเผยผลการประชุมวิชาการที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทน (ทปอ.)ประจำปี 2557 เรื่องผลงานวิชาการรับใช้สังคม : แนวทางสนับสนุน กรอบรูปแบบ/มาตรฐานเอกสาร แนวทางการประเมินและข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ว่า จากการที่คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา(ก.พ.อ.) ได้ออกประกาศ ก.พ.อ. กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยศาสตราจารย์(ผศ.) รองศาสตราจารย์(รศ.) และศาสตราจารย์( ศ. ) ซึ่งเป็นสายรับใช้สังคม ตั้งแต่เดือนมีนาคม2556 แต่จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีการเคลื่อนไหว เพื่อขอเข้าสู่ตำแหน่งดังกล่าว เพราะเป็นเรื่องใหม่ ยังไม่มีแนวปฏิบัติที่ชัดเจน และไม่มีผู้อ่านผลงานวิชาการ

ผศ.นพ.เฉลิมชัย กล่าวต่อไปว่า ดังนั้นเพื่อเป็นการปลดล็อคสำหรับผลงานวิชาสายรับใช้สังคม ทางคณะกรรมการพัฒนารูปแบบและมาตรฐานเอกสารวิชาการรับใช้สังคม เพื่อขอกำหนดการเข้าสู่ตำแหน่งทางวิชาการ ซึ่งมี รศ.นพ.นิเวศน์ นันนทจิต อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นประธาน จึงเสนอให้ผู้อ่านผลงานวิชาการมาจากนักวิชาการ ผู้ทรงคุณวุฒิ หรือปราชญ์ที่ทำงานด้านนั้นๆและเป็นที่ยอมรับของสังคมมาเป็นผู้อ่านผลงาน เช่น หากเป็นผลงานรับใช้สังคมเรื่องที่เกี่ยวกับครูข้างถนน เด็กเร่ร่อน อาจจเชิญ นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ หรือ ครูหยุย มาช่วยอ่านได้ เป็นต้น ส่วนเอกสารวิจัยก็สามารถนำเอกสารอื่นมาประกอบได้ด้วย เช่น วีดิทัศน์ แถบเสียง ภาพ เป็นต้น ที่สำคัญผู้อ่านผลงานสามารถลงพื้นที่จริงเพื่อดูผลงานได้

“ คาดว่าภายใน 1-2 ปีนี้ จะมี ผศ.ทางด้านสายรับใช้สังคมรุ่นแรก นอกจากนี้ผมเห็นว่าตำแหน่งทางวิชาการที่ยังขาดอยู่ก คือ ผศ. รศ. และ ศ. สายการเรียนการสอน ซึ่งทาง ทปอ. จะร่วมกับมหาวิทยาลัยต่างๆและสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาผลักดันให้มีต่อไป” ผศ.นพ.เฉลิมชัย กล่าว.

ที่มา : เดลินิวส์

ข่าวอื่นๆ

แสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

ปฏิรูปครู ปฏิรูปการเรียนรู้ – ครูระยอง


ปฏิรูปครู ปฏิรูปการเรียนรู้

ครูระยอง-บทความ

Print Friendly

จะเป็นผลสืบเนื่องมาจากผลการวิจัยพบความจริงว่า สภาพชีวิตครูไทยต้องแบกงานนอกที่ไม่ใช่ภาระหน้าที่การเรียนการสอนโดยตรงมากเกินไป จนไม่มีเวลาที่จะพัฒนา หรือไม่ก็ตาม กระทรวงศึกษาธิการ โดย นายกฤษณพงศ์ กีรติกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จึงแต่งตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์การผลิตและพัฒนาครู เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2557 เพื่อให้ระบบการผลิต การพัฒนา การบริหารงานบุคคลของครู มีประสิทธิภาพสอดคล้องกับสภาวการณ์และนำไปสู่การพัฒนาศักยภาพของนักเรียนให้มีสัมฤทธิผล ทางการศึกษาเพิ่มขึ้น รวมถึงการรักษาครูที่มีสมรรถนะและศักยภาพสูงไว้ในระบบ โดยมีองค์ประกอบดังนี้ รองศาสตราจารย์ช่วงโชติ พันธุเวช ที่ปรึกษาอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร ที่ปรึกษา นายอมรวิชช์ นาครทรรพ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่ปรึกษา รองศาสตราจารย์พินิติ รตะนานุกูล เลขาธิการสภาการศึกษา เป็นประธานกรรมการกรรมการประกอบด้วย

รองศาสตราจารย์ประวิต เอวาวรรณ์ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม รองศาสตราจารย์ประเสริฐ ปิ่นปฐมรัฐ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ธัญบุรี รองศาสตราจารย์สมบัติ นพรัก คณบดีวิทยาลัยการศึกษาต่อเนื่อง มหาวิทยาลัยพะเยา นายสมหมาย ปาริจฉัตต์ รองประธานกรรมการ บมจ.มติชน (มหาชน) ผู้แทนสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ผู้แทนสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายอกนิษฐ์ คลังแสง รองเลขาธิการคณะกรรมการอาชีวศึกษา นายรังสรรค์ มณีเล็ก รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน น.ส.วัฒนาพร สุขพรต รักษาการผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายและแผน สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา
ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานและพัฒนาการเรียนรู้ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา เป็นกรรมการและเลขานุการ เจ้าหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา เป็นผู้ช่วยเลขานุการ อำนาจหน้าที่

  1. กำหนดกรอบนโยบายการผลิต พัฒนา ระบบการบริหารงานบุคคลของครู
  2. แต่งตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อศึกษาวิจัยเชิงนโยบายในประเด็นเกี่ยวกับการผลิต การพัฒนา การบริหารงานบุคคล การรักษาครูที่มีสมรรถนะและศักยภาพสูง ประเด็นด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการสร้างแรงจูงใจให้ครูอยู่ในระบบอย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี ฯลฯ และรายงานคณะกรรมการ
  3. ศึกษา วิเคราะห์ วินิจฉัย รายงานของคณะทำงานชุดต่างๆ เพื่อนำมากำหนดเป็นนโยบายและแนวทางในการปฏิบัติเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
  4. ปฏิบัติงานอื่นๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย

ผลการดำเนินงานจะออกมาอย่างไร ต้องติดตาม

โดย : สายสะพาย
ที่มา : moe

ข่าวอื่นๆ

แสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

แนวทางการตรวจสอบการรับเงินคืนและการจ่ายเงินส่วนเพิ่มสำหรับเงินบำเหน็จบำนาญ ในการกลับไปใช้สิทธิ Undo

ครูระยอง-การเบิกจ่ายเงิน

Print Friendly

แนวทางการตรวจสอบการรับเงินคืนและการจ่ายเงินส่วนเพิ่มสำหรับเงินบำเหน็จบำนาญพระราชบัญญัติการกลับไปใข้สิทธิในบำเหน็จบำนาญตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. ๒๔๙๔ พ.ศ. ๒๕๕๗ สำหรับผู้รับบำนาญ และทหารกองหนุนมีเบี้ยหวัด

รายละเอียด : 1 | 2 | 3 | 4

ที่มา : ครูบ้านนอก

ข่าวอื่นๆ

แสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

สพฐ.จี้เขตพื้นที่ฯรับผิดชอบคุณภาพการศึกษา

สพฐ

Print Friendly

โรงแรมปรินซ์ พาเลซ ดร.กมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า ตนได้มอบนโยบายให้แก่ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมการจัดการศึกษา ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.)ทั่วประเทศ ว่า ในปี 2558 ทิศทางการทำงานของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ตั้งแต่เดือนมกราคมถึง มีนาคม 2558 จะเน้นเรื่องการพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้เด็กไทยอ่านออกเขียนได้ การเพิ่มคะแนนทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน หรือ โอเน็ต และการจัดการศึกษาในพื้นที่พิเศษ จากนั้นเดือนเมษายนถึง พฤษภาคม 2558 จะเน้นการพัฒนาครู และผู้บริหาร

“ ในปี2558 คุณภาพการศึกษาจะต้องดีขึ้น โดยสพท.จะต้องมีส่วนรับผิดชอบในเรื่องนี้ด้วย รวมถึงเรื่องการบริหารงานบุคคล โดยเฉพาะการเข้าสู่ตำแหน่งต่างๆ ต้องดำเนินการอย่างยุติธรรม เนื่องจากทุกวันนี้มีเรื่องร้องเรียนผู้อำนวยการเขตพื้นที่ฯเข้ามาเป็นจำนวนมาก ซึ่งผมอยากให้การทำงานของ สพท.มีคุณภาพ โปร่งใส และตรวจสอบได้” เลขาธิการ กพฐ. กล่าวและว่า นอกจากนี้ตนยังได้เน้นย้ำเรื่องการรับนักเรียนในปีการศึกษา 2558 ว่า ห้ามมีเรื่องร้องเรียนเกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด ต้องโปร่งใส ชัดเจน สามารถตอบคำถามสังคมได้ โดยหากประกาศที่นั่งเรียนครบแล้วแต่เด็กยังไม่มีที่เรียน ก็ต้องสร้างความเข้าใจและแนะนำให้เด็กไปเรียนสายอาชีพ หรือ ให้ไปโรงเรียนคู่ขนานกับโรงเรียนดังแทน เป็นต้น เพื่อให้เด็กได้มีที่เรียนครบทุกคน.

ที่มา : เดลินิวส์

ข่าวอื่นๆ

แสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

ดาวน์โหลด หนังสือ 6 เล่ม เกี่ยวกับ หนังสือ การ์ตูนเศรษฐกิจพอเพียง นำสู่สังคมอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน หนังสือ จากปรัญญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การปฏิบัติ

Print Friendly

หนังสือ การ์ตูนเศรษฐกิจพอเพียง นำสู่สังคมอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน
แบ่งเป็น 13 ไฟล์ เมื่อดาวน์โหลด หรือเชฟไฟล์ แล้วนำมารวมกัน จะได้หนังสือ 1 เล่ม แบบ 4 สี หนา 202 หน้า พร้อมปกหน้าหลัง
ดาวน์โหลดตามลิงค์นี้ http://www.obec.go.th/documents/17910 หนังสือ จากปรัญญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การปฏิบัติ
เมื่อดาวน์โหลด หรือเชฟไฟล์ แล้วจะได้หนังสือ 1 เล่ม แบบ 4 สี หนา 178 หน้า พร้อมปกหน้าหลัง
ดาวน์โหลดตามลิงค์นี้ http://www.obec.go.th/documents/17907 หนังสือ เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง
เมื่อดาวน์โหลด หรือเชฟไฟล์ แล้วจะได้หนังสือ 1 เล่ม แบบ 4 สี หนา 54 หน้า พร้อมปกหน้าหลัง
ดาวน์โหลดตามลิงค์นี้ http://www.obec.go.th/documents/17905 หนังสือ เรียนรู้หลักการทรงงานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เมื่อดาวน์โหลด หรือเชฟไฟล์ จะได้หนังสือ 1 เล่ม แบบ 4 สี หนา 40 หน้า พร้อมปกหน้าหลัง
ดาวน์โหลดตามลิงค์นี้ http://www.obec.go.th/documents/17904 หนังสือ การทรงงานพัฒนาประเทศของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เป็น ไฟล์แบบ .pdf จำนวน 150 หน้า
แบ่งเป็น 3 ไฟล์ เมื่อดาวน์โหลด หรือเชฟไฟล์ แล้วนำมารวมกัน จะได้หนังสือ 1 เล่ม แบบ 4 สี หนา 150 หน้า พร้อมปกหน้า/หลัง
ดาวน์โหลดตามลิงค์นี้ http://www.obec.go.th/documents/17895 หนังสือ พระมหากษัตริย์นักพัฒนา เพื่อประโยชน์สุขสู่ปวงประชา เป็น ไฟล์แบบ .pdf จำนวน 312 หน้า
แบ่งเป็น 3 ไฟล์ เมื่อดาวน์โหลด หรือเชฟไฟล์ แล้วนำมารวมกัน จะได้หนังสือ 1 เล่ม แบบ 4 สี หนา 312 หน้า พร้อมปกหน้าหลัง
ดาวน์โหลดตามลิงค์นี้ http://www.obec.go.th/documents/17892

ที่มา : obec

ข่าวอื่นๆ

แสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

คุรุสภาสร้างมิติใหม่งานวันครู “ครูดีศรีแผ่นดิน” 14-16 มกราคม 2558

คุรุสภา

Print Friendly

คำขวัญวันครู ประจำปี 2558 “เกียรติครูยิ่งใหญ่ น้อมใจบูชา เลิศล้ำคุณค่า ศรัทธาพระคุณ”
คุรุสภาจัดสัปดาห์ “วันครู” ระหว่างวันที่ 14-16 มกราคม 2558 ซึ่งการจัดงานวันครูปีนี้ เป็นครั้งที่ 59 ใน Theme งานยกย่องเชิดชูเกียรติวิชาชีพและ ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาว่า “ครูดีศรีแผ่นดิน” เพื่อ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “พระผู้ทรงเป็นครูแห่งแผ่นดิน” สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ “พระผู้ทรงเป็นแม่และครูแห่งแผ่นดิน” และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ 60 พรรษา ในวันที่ 2 เมษายน 2558 และส่งเสริมเชิดชูเกียรติครูและวิชาชีพครู และรณรงค์ให้สังคมเห็นความสำคัญของครูและระลึกถึงพระคุณครู

มิติใหม่สำหรับการจัดงานในปีนี้ นอกจากจะจัดพิธีการงานวันครู บูชาบูรพาจารย์ คารวะครูอาวุโส ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรี มาเป็นประธานในพิธีการงานวันครู ซึ่งจัดเป็นประจำทุกปี การจัดงานในปีนี้ คุรุสภาน้อมรับนโยบายจากท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พลเอก สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ ที่อยากเห็นการจัดงานวันครูที่ยิ่งใหญ่ สมเกียรติ ซึ่งท่านประธานกรรมการคุรุสภา ศ.ดร.ไพฑูรย์ สินลารัตน์ และ ดร.อำนาจ สุนทรธรรม เลขาธิการคุรุสภา รับนโยบายดังกล่าวมาหารือคณะกรรมการ จัดงานวันครู เพื่อสร้างมิติใหม่ในการจัดงานวันครู ให้มีความสำคัญ มีศักดิ์ศรี สะท้อนความเชื่อในบทบาทหน้าที่ของครู มีกิจกรรมทางวิชาการเพื่อนำไปสู่การปฏิรูปการเรียนรู้ ให้ครูมีบทบาทในการพัฒนา สามารถสร้างเด็กไทย ยุคใหม่ให้เท่าทันสังคม และคุรุสภาคงไม่ใช่หน่วยงาน ออกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพอย่างเดียว แต่ต้องทำหน้าที่ดูแลและส่งเสริม สามารถสร้างความตระหนักว่าสังคม ถึงเวลาของการเปลี่ยนแปลง สามารถสื่อสารแนวคิดสู่ การเปลี่ยนแปลงสังคมได้

กิจกรรมทางวิชาการในช่วงสัปดาห์ “วันครู” เพื่อสร้างจิตวิญญาณความเป็นครูและกิจกรรมการพัฒนาครูสู่การเปลี่ยนแปลงสังคม ประกอบด้วยการประกวด วาดภาพ เนื่องในโอกาสวันครู นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ การเปิดประชุมทางวิชาการ โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จัดให้มีการอภิปราย เรื่อง “การผลิตครูดี 4 หรือ 5 ปี จะดีกว่ากัน” โดยนายตวง อันทะไชย ประธานคณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ดร.วีระชัย เตชะวิจิตร์ ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ และ รศ.ดร.ประพันธ์ศิริ สุเสารัจ การนำเสนอผลงานของครูที่ประสบความสำเร็จส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียน การอภิปราย เรื่อง “ปฏิรูปการเรียนรู้สู่อนาคตประเทศไทย” โดย นายแพทย์ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รศ.สุธีระ ประเสริฐสรรพ์ รศ.ดร.สุวัฒนา สุวรรณเขตนิคม และนายนคร ตังคะพิภพ การนำเสนอ ผลงานเกี่ยวกับการปฏิรูปการเรียนรู้ และการนำเสนอเรื่อง “Apply Technology to Thailand Digital Education” ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “จิตวิญญาณครูในศตวรรษที่ 21” โดยพระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธมฺมจิตฺโต) อธิการบดีมหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พิธีมอบรางวัลต่างๆ ของคุรุสภาและของหน่วยงานในกระทรวงศึกษาธิการ โดยท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ณ หอประชุมคุรุสภา

ในโอกาสเดือนแห่งวันครู สัปดาห์แห่งวันครู และในโอกาสวันครู คุรุสภาขอเชิญชวนทุกท่านที่มีครู ร่วมระลึกถึงพระคุณครู เข้าร่วมกิจกรรมงานวันครูกับ คุรุสภา กลับไปคารวะครู และมาแชร์ความรู้สึกดีๆ ต่อครูใน Facebook FanPage “วันครู” www.facebook.com/khuruday และเว็บไซต์ของคุรุสภา www.ksp.or.th

ที่มา : moe

ข่าวอื่นๆ

แสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

กพฐ. รอแนวทาง สปช.ปฏิรูปหลักสูตรใหม่ ใช้เวลาทำงานไม่เกินสองปีเปิดใช้ได้ปี2560

กระทรวงศึกษาธิการ

Print Friendly

นายกมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยความคืบหน้าในการปรับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551 ว่า เนื่องจากหลักสูตรดังกล่าวใช้มา 6 ปีแล้วและถึงวงรอบที่จะต้องปรับปรุงหลักสูตรแกนกลางฯให้สอดคล้องกับบริบททางสังคมที่เปลี่ยนแปลงและเพื่อผลิตคนให้ตรงกับความต้องการของประเทศรวมทิศเป็นไปในทิศทางเดียวกับการปฏิรูปการศึกษารอบใหม่ของประเทศ ซึ่งได้กำหนดกระบวนการและปฏิทินการดำเนินการเอาไว้ 12 ขั้นตอนคาดว่าจะใช้เวลาประมาณปีครึ่งถึงสองปีจึงจะดำเนินการแล้วเสร็จได้แก่

  1. ศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลเดือนตุลาคม-มกราคม 2558
  2. กำหนดกรอบทิศทางของหลักสูตร เดือนกุมภาพันธ์-เมษายน 2558
  3. รับฟังความคิดเห็นเดือนพฤษภาคม 2558
  4. ยกร่างหลักสูตรแกนกลาง เดือนมิถุนายน-ตุลาคม 2558
  5. รับฟังความคิดเห็นเฉพาะกลุ่มเดือนพฤศจิกายน 2558
  6. พัฒนาสื่อและเอกสารประกอบเดือนพฤศจิกายน 2558-พฤษภาคม 2559
  7. พัฒนาบุคลากร เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2558
  8. ปรับปรุงร่างหลักสูตร เดือนธันวาคม 2558
  9. ทดลองนำร่องหลักสูตรแกนกลาง โดยการกำกับติดตามและประเมินผล เดือนพฤษภาคม 2559-มีนาคม 2560
  10. ปรับปรุงร่างหลักสูตรเดือนมีนาคม 2560
  11. เสนอคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน อนุมัติในเดือนเมษายน 2560
  12. เสนอศธ.ประกาศใช้หลักสูตรในเดือนพฤษภาคม 2560

ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้กำหนดว่าจะมีการเปลี่ยนกลุ่มสาระการเรียนรู้ 8 กลุ่มในปัจจุบันใหม่หรือไม่ เพราะจะต้องรอฟังความคิดเห็นก่อน รวมทั้งต้องดูแนวทางของสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.)ด้วย แต่เชื่อว่าแต่การจัดสัดส่วนเวลาเรียนจะเปลี่ยนไปจากเดิม จะไม่กำหนดชั่วโมงเรียนแบบเดิม

ที่มา : moe

ข่าวอื่นๆ

แสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

ไฟเขียวเปิดสอนสาขาขาดแคลน

Print Friendly

ศ.ไพฑูรย์ สินลารัตน์ ประธานคณะกรรมการคุรุสภา เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการคุรุสภา ว่า ที่ประชุมอนุมัติเพิ่มเติมสาขาวิชาที่ขาดแคลนของสำนักงานคณะกรรมการการ อาชีวศึกษา (สอศ.) อีก 12 สาขาวิชา คือ

  1. นิติศาสตร์
  2. อาหารและโภชนาการ/โภชนาการชุมชน
  3. การโรงแรม/การโรงแรมและบริการ/ธุรกิจโรงแรม
  4. เทคโนโลยีอุตสาหกรรมอาหาร/วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร
  5. เคมีอุตสาหกรรม
  6. วิศวกรรมเหมืองแร่และปิโตรเลียม
  7. วิศวกรรมพลังงาน/พลังงานทดแทน
  8. เทคโนโลยีระบบราง/วิศวกรรมขนส่งระบบราง
  9. เทคโนโลยีอุตสาหกรรมบันเทิง/แอนิเมชั่น
  10. Digital Marketing
  11. อุตสาหกรรมศิลป์
  12. ช่างเครื่องเรือนและตกแต่ง

เนื่องจากเป็นสาขาที่คณะครุศาสตร์และศึกษาศาสตร์ ไม่ได้เปิดสอน รวมแล้วสอศ.มีสาขาที่ได้รับการประกาศ 98 สาขาวิชาชีพ

ศ.ไพฑูรย์กล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังพิจารณาสาขาวิชาชีพที่ขาดแคลน ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เสนอมา 21 สาขา ก่อนอนุมัติเพิ่ม 10 สาขาวิชา คือ

  1. ภาษาสเปน
  2. ภาษาเกาหลี
  3. ภาษาญี่ปุ่น
  4. กายภาพบำบัด
  5. กิจกรรมบำบัด
  6. จิตวิทยาคลินิก
  7. แพทย์แผนไทยประยุกต์
  8. แพทยศาสตร์
  9. เภสัชศาสตร์
  10. วิศวกรรมศาสตร์

ที่เหลืออีก 11 สาขาวิชา อาทิ คณิตศาสตร์ ฝรั่งเศส เป็นต้น ปกติคณะครุศาสตร์และศึกษาศาสตร์เปิดสอนอยู่แล้ว หากประกาศให้เป็นวิชาที่ขาดแคลน ก็จะไม่เป็นธรรมกับผู้ที่เรียนหลักสูตรครู 5 ปี

ที่มา : มติชน

เผยโฉมสติกเกอร์ LINE ค่านิยม 12 ประการ เปิดดาวน์โหลด 30 ธ.ค. – ครูระยอง

Print Friendly

กระทรวงไอซีที เปิดตัวสติกเกอร์ไลน์ค่านิยม 12 ประการ ประชาชนสามารถดาวน์โหลดได้ตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคมนี้ เจ้ากระทรวงยันเป็นราคาที่เหมาะสม…

จากกระแสข่าวสติกเกอร์ไลน์ค่านิยมหลัก 12 ประการ ที่จัดทำขึ้นภายใต้ความร่วมมือ 3 กระทรวง คือ กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกระทรวงไอซีที หรือกระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ด้วยงบประมาณกว่า 7 ล้านบาท ตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เพื่อเป็นของขวัญให้กับประชาชนที่นิยมส่งสติกเกอร์ไลน์ได้แสดงความรู้สึกต่างๆ เปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันนี้ (22 ธันวาคม)

ภาพจาก kanokrat_TRnews

นายพรชัย รุจิประภา รมว.ไอซีที เปิดเผยว่า ในประเทศไทยมีผู้ใช้ไลน์ 33 ล้านแอคเคาท์ ส่งข้อความวันละประมาณ 40 ล้านข้อความ จึงต้องการให้ประชาชนฝังไปในจิตใจแล้วนำไปปฏิบัติ ตั้งเป้าจะมียอดดาวน์โหลด 3,500,000 แอคเคาท์ โดยมองว่าคุ้มค่ากับงบประมาณที่ใช้ไป และจะทำให้ประชาชนเกิดค่านิยมรักความเป็นไทยมากขึ้น ส่วนตัวชี้วัดถึงความสำเร็จของการดาวน์โหลด

ส่วนกรณีค่าใช้จ่ายสูงเกินไป รัฐมนตรีไอซีที ระบุว่า เป็นราคาที่เหมาะสม และการใช้ช่องทางไลน์นั้นสามารถเข้าถึงประชาชนได้อย่างกว้างขวาง ประชาชนสามารถโหลดฟรีผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ ตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2557

อย่างไรก็ตาม สติกเกอร์ไลน์ชุดดังกล่าวมีชื่อว่า ค่านิยมหลัก 12 ประการ มีทั้งหมด 16 คาแรกเตอร์ เป็นแบบเคลื่อนไหวได้ เพื่อสื่อถึงค่านิยมหลักและสัญลักษณ์ของประเทศไทย.

รายละเอียด :  http://www.sti.or.th/12cvlinesticker/

สำนึกรัก..บ้านเกิด โรงเรียนเก่า

Print Friendly

อีกไม่กี่วันประเพณีปีใหม่ 2558 ก็จะมาเยือน ภาพหนึ่งที่จะได้เห็นและกลายเป็นเอกลักษณ์ของคนไทยยุคนี้ไปแล้วก็คือการหลั่งไหลของผู้คนจากกรุงเทพสู่ต่างจังหวัดซึ่งภาพเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะแค่ปีใหม่แต่จะรวมถึงทุกประเพณีสำคัญหรือแม้แต่ช่วงที่มีวันหยุดยาว ที่เป็นเช่นนี้ก็ด้วยประชาชนต่างจังหวัดไปทำมาหากินในเมืองหลวงจำนวนมากนั่นเอง เมื่อถึงวันหยุดยาวจึงเป็นโอกาสได้กลับไปเยี่ยมญาติและก็มีจำนวนไม่น้อยที่จะได้ร่วมกันทำบุญสร้างคุณประโยชน์ให้กับบ้านเกิดด้วยการทอดกฐิน ผ้าป่า หาทุนทรัพย์ให้กับวัดหรือโรงเรียน แม้ว่าจะต้องดำเนินชีวิตอยู่ในท่ามกลางเศรษฐกิจที่รัดตัวแต่น้ำใจที่จะช่วยพัฒนาบ้านเกิดของคนกลุ่มนี้มีมาก จิตสำนึกนี้ผู้เขียนได้ประสบมากับตนเองจากการพูดคุยของคนงานที่บ่นเรื่องรายได้ไม่พอกับรายจ่ายทั้งค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเล่าเรียนของลูก และอีกสารพัดค่าเขาบอกว่าเหลืออย่างเดียวที่ยังมาไม่ถึงคือ“ (ค่า)ฆ่าตัวตาย”

แต่พอเปลี่ยนเรื่องคุยถึงปีใหม่ก็ชักชวนกันว่าจะกลับไปทอดผ้าป่าหาทุนให้กับโรงเรียนที่บ้านเกิด ฟังแล้วก็สะท้อนไปถึงผู้คนอีกกลุ่มหนึ่งที่มีจำนวนไม่น้อยที่มีความมั่นคงทั้งหน้าที่การงาน ฐานะความเป็นอยู่ แต่ไม่เคยนึกถึงบ้านเกิดส่วนนี้เลยพลอยให้นึกถึงเพลง”เด็กชายปึกแป้นปีก”ที่ครูสลา คุณวุฒิ ได้สะท้อนภาพเด็กชายปึกที่เรียนไม่เก่งแต่โตขึ้นแล้วเป็นคนดี เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น จึงขอนำเนื้อเพลงบางส่วน มาเล่าต่อ คือ “บักปึกหายไปหลายปีผ่านผัน แต่วันหนึ่งนั้น ครูทุกคนก็แปลกใจ ปึกกลับบ้านนา พร้อมผ้าป่ากองใหญ่ นำเงินมาให้ครูพัฒนาโรงเรียน ขณะที่คนเรียนดีหนีหาย เป็นเจ้าเป็นนาย ไม่เคยมาแวะเวียน แต่บักปึกแป้นปีกในวัยเรียนกลับมาแวะเวียน ด้วยน้ำใจที่งดงามสิ่งตอกย้ำถึงความเป็นคน ใช่อยู่ที่ผลของการเรียนดี คนเรียนเก่งคดโกงก็มากมี คนเรียนดี ขี้โกงก็มากมาย” เพลงนี้สะท้อนความเป็นจริงของสังคมไทยยุคปัจจุบันนี้ได้เป็นอย่างดี

เมื่อพูดถึงบ้านเกิด โรงเรียนเก่าของผู้เขียนที่อยู่จังหวัดกำแพงเพชร ก็มีโอกาสได้แวะเวียนไปเยี่ยมเยียนอยู่บ้าง เมื่อเห็นพัฒนาการแต่ละสถานศึกษาที่เคยเรียนมาแล้วก็ชื่นใจเพราะสมัยที่เรียนอยู่นั้นทั้งประถม มัธยมหรือวิทยาลัยครู ต้องอาศัยอาคารชั่วคราวเป็นที่เรียนทั้งสิ้นแต่ปัจจุบันได้กลายเป็นอาคารถาวรตึกใหญ่โตไปหมดแล้ว เพื่อให้เห็นภาพความเจริญก้าวหน้าที่ชัดเจนจึงขอยกตัวอย่างโรงเรียนที่ผู้เขียนเคยเป็นศิษย์เก่ารุ่นแรกๆในระดับมัธยมมาให้ทราบกัน คือ โรงเรียนพรานกระต่ายพิทยาคม

พอพูดถึงโรงเรียนนี้แล้วก็คงต้องนึกย้อนหลังถึงโอกาสทางการศึกษาเมื่อ40-50 ปีก่อนกับเด็กในชนบทห่างไกล ถือว่ามีน้อยมากยิ่งระดับมัธยมด้วยแล้วแทบเป็นไปไม่ได้เลยเพราะทั้งความยากจน การคมนาคมไม่สะดวกและโรงเรียนระดับดังกล่าวส่วนใหญ่จะอยู่ที่ตัวจังหวัด ซึ่งผู้เขียนเองอยู่ในกลุ่มดังกล่าวที่มีโอกาสน้อยมากการศึกษาแค่ ป.4 ก็ถือว่าสุดยอดแล้ว แต่เพราะโชคช่วยพอจบ ป.4 โรงเรียนก็ขยายเพิ่ม ป.5พอจบ ป.7 ในหมู่บ้าน ก็เกิดโรงเรียนพรานกระต่ายพิทยาคมขึ้นเมื่อปี 2515 แต่โอกาสที่จะได้เรียนก็ยังยากอยู่ดี ต้นเหตุก็คือความยากด้วยไม่มีอุปกรณ์การเรียนแจกฟรีหรือมีเงินให้กู้ยืมเรียนเช่นปัจจุบัน การรับจ้างหาทุนเพื่อเรียนหนังสือกับเด็กในยุคนั้นจึงเป็นเรื่องปกติรวมถึงความไม่สะดวกการคมนาคม แม้ระยะทางจากหมู่บ้านของผู้เขียนไปถึงโรงเรียนแค่ 16 กิโลเมตรแต่ด้วย 8 กิโลเมตรแรกเป็นทางเกวียนหน้าฝนจะมีโคลนตมให้ติดหล่ม 2 ข้างทางเต็มไปด้วยป่า เมื่อรวมกับถนนลาดยางอีก 8 กิโลเมตรไปกลับต้องปั่นจักรยานไม่น้อยกว่าวันละ30กิโลเมตร ซึ่งเพื่อนคนอื่นๆก็ใช่ว่าจะไม่ลำบากเช่นนี้เพียงแต่จะมากหรือน้อยกว่ากันเท่านั้นเอง

ด้วยเป็นโรงเรียนเปิดใหม่บนเนื้อที่ 54 ไร่ ที่เต็มไปด้วยพงป่า ต้องอาศัยอาคารชั่วคราวหลังคามุงแฝก ไม่มีฝากั้นเมื่อแดดส่องก็ร้อน ฝนตกก็เปียก โต๊ะ เก้าอี้ ก็มีจำกัด ต้องใช้ปีกไม้ทำเป็นที่นั่งและที่เขียนเพิ่มให้ อุปกรณ์ก็มีแต่ชอล์คกับกระดานดำ ครูก็มีไม่กี่คน ผู้ที่พอมีฐานะหน่อยจึงส่งลูกหลานไปเรียนที่ตัวจังหวัด แต่สำหรับเด็กยากจนแล้วไม่ว่าจะอยู่ในตัวอำเภอหรือหมู่บ้านรอบนอกโรงเรียนแห่งนี้ถือว่ามีคุณค่าต่อชีวิตมากเพราะเป็นเส้นทางที่จะทำให้เดินไปสู่อนาคตที่ดีขึ้นได้ เมื่อเด็กมีเป้าหมายกับการเรียนรู้ ความขยันมั่นเพียร การต่อสู้ชีวิตทุกอย่างที่จะให้ได้เรียนจึงมีอยู่มาก ครูอาจารย์แม้ต้องลำบากกับการเดินทาง เงินเดือนก็ไม่มากนักแต่ด้วยจิตวิญญาณของการเป็นผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่ทั้งด้านความรู้ ทักษะวิชาชีพและทักษะชีวิต จึงเป็นเหมือนเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งให้กับลูกศิษย์ที่มีประสิทธิภาพยิ่ง การอยู่แบบครอบครัวเดียวกัน การสอนของครูที่เกิดจากส่วนลึกของจิตใจ ทำให้นักเรียนรุ่นแรกๆของโรงเรียนแห่งนี้ประสบความสำเร็จมีอาชีพมั่นคงตามสายงานที่แต่ละคนถนัดและมีจำนวนไม่น้อยที่ได้กลับมาเป็นครูโรงเรียนแห่งนี้ในเวลาต่อมา

โรงเรียนพรานกระต่ายพิทยาคม ได้พัฒนาก้าวหน้าตามกาลเวลาที่ล่วงเลยไปจากอาคารชั่วคราวก็กลายเป็นตึกหลายหลังมีความพร้อมด้านสื่อ อุปกรณ์กับการพัฒนาผู้เรียน ครู นักเรียนก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว กลายเป็นสถานศึกษาที่มีคุณภาพ ได้รับความเชื่อมั่นจากหน่วยเหนือให้เป็นโรงเรียนทดลองนำร่องโครงการและนโยบายต่างๆมากมายไม่ว่าจะเป็น โรงเรียนต้นแบบโรงเรียนในฝันรุ่นแรก โรงเรียนดีใกล้บ้าน โรงเรียนวิชาทหารดีเด่นตามโครงการศูนย์ฝึกแข่งขันสถานศึกษาร่วมใจ โรงเรียนที่ดำเนินการธนาคารโรงเรียนดีเด่นระดับประเทศ โรงเรียนที่ได้รับการรับรองมาตรฐานด้านคุณภาพจาก สมศ. เป็นต้น

ด้านคุณภาพผู้เรียนนอกจากผลการสอบ O-NET จะสูงกว่าระดับเขตพื้นที่การศึกษาและระดับชาติแล้ว ยังได้รับรางวัลจากการประกวดแข่งขันกิจกรรมโครงการต่างๆ จากหน่วยงานต้นสังกัดและต่างสังกัดจำนวนมาก การพัฒนาแบบก้าวกระโดดนี้ก็มาจากความร่วมมือร่วมใจของทุกฝ่ายโดยเฉพาะผู้บริหารและคณะครูที่สืบทอดการพัฒนาต่อๆกันมาและสมาคมศิษย์เก่าก็เป็นอีกภาคส่วนสำคัญหนึ่งที่ได้สนับสนุนโรงเรียนนี้แทบจะทุกโอกาส อย่างเช่นช่วงต้อนรับปีใหม่ 2558 ที่จะมาถึงนี้ สมาคมศิษย์เก่าก็จะได้ร่วมกันทอดผ้าป่าการศึกษาเพื่อหาทุนพัฒนาโรงเรียนกันอีกครั้งในวันที่ 30 ธันวาคม 2557จึงขอเชิญชวนพี่เพื่อนน้องศิษย์เก่าทั้งหลายได้กลับไปร่วมสำนึกรักโรงเรียนเก่ากันอีกครั้งหากไม่สะดวกก็สามารถร่วมทอดผ้าป่าการศึกษาผ่านบัญชีธนาคารออมสิน เลขที่ 020078646625 ประเภทเงินฝากเผื่อเรียก ในนามสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนพรานกระต่ายพิทยาคมก็ได้ แต่ครั้งนี้อยากให้ไปกันเพราะจะมีงานคืนสู่เหย้าชาว พ.พ. ในวันดังกล่าวด้วย

ที่ต้องนำเรื่องนี้มาเสนอก็เพื่อต้องการให้เห็นตัวอย่างการสำนึกรักบ้านเกิด โรงเรียนเก่าที่ศิษย์เก่าโรงเรียนแห่งนี้เขาทำกันหากท้องถิ่นใดทำอยู่แล้วก็ถือว่าเป็นเรื่องดียิ่ง เพราะการศึกษาเป็นเรื่องใหญ่จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรัฐฝ่ายเดียวคงไม่ได้โดยเฉพาะโรงเรียนในชนบทที่ยังขาดความพร้อมรอการช่วยเหลืออีกมากหากได้ช่วยกันคนละไม้ละมือท้องถิ่นก็จะกลับมาน่าดู น่าอยู่ น่าอาศัย โรงเรียนก็จะเป็นที่น่าใฝ่หาความรู้มากขึ้น แต่หากมัวคิดเพียงว่าธุระไม่ใช่บ้านเกิดก็คงจะเหลือแต่คนแก่ โรงเรียนเก่าก็จะทรุดลงไปเรื่อยๆแล้วก็ถูกยุบไปในที่สุด แล้วอย่างนี้จะไปพูดถึงความภูมิใจในตำแหน่ง ฐานะเกียรติยศความเป็นมาของตนเองได้เต็มปากอย่างไร เพราะแม้แต่บ้านเกิด โรงเรียนเก่าก็ยังไม่เคยนึกถึง คนลืมบ้านเกิดเมืองนอนนั้นเขาถือว่าเป็นคนไม่มีหัวนอนปลายเท้านะจะบอกให้

โดย: กลิ่น สระทองเนียม
ที่มา : เดลินิวส์

Our partners from Mexico:
Productos de salud
Carlos Torre