เปิดชิงเก้าอี้ ผอ.สถานศึกษา 2,862 อัตรา – ครูระยอง

Print Friendly

ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) มอบให้คณะกรรมาธิการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) และสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ (สศศ.) รับสมัครคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผอ.สถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ปี 2559 ตามเงื่อนไขใหม่

โดยกำหนดรับสมัครวันที่ 18-24 พ.ย.59 ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิเข้ารับการคัดเลือก ภายในวันที่ 26 พ.ย.59 ประเมินประวัติและผลงานการปฏิบัติงาน วันที่ 27 พ.ย.-2 ธ.ค.59 สอบข้อเขียน ความรู้ทั่วไปและความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการปฏิบัติงาน และความสามารถในการบริหารงานในหน้าที่และสมรรถนะทางการบริหาร วันที่ 3 ธ.ค.59 สอบสัมภาษณ์ วันที่ 4 ธ.ค.59 ประกาศผลการคัดเลือก วันที่ 9 ธ.ค.59 นั้น

ในการประชุม ก.ค.ศ. ที่ผ่านมา ที่ประชุมได้มอบให้สำนักงาน ก.ค.ศ. ไปคิดแนวทางการคัดเลือก รอง ผอ.สถานศึกษา ให้ที่ประชุมพิจารณา ในเดือน พ.ย.นี้ ซึ่ง ก.ค.ศ. ต้องไปพิจารณาว่า จะใช้แนวทางการสรรหาตามหลักเกณฑ์เดิม หรือเสนอใช้หลักเกณฑ์ใหม่ ที่ล้อกับการสรรหา ผอ.สถานศึกษา

“การคัดเลือก รอง ผอ.สถานศึกษาปี 2559 นี้ จะยังไม่ได้ใช้วิธีการให้ ผอ.สถานศึกษา เป็นผู้เลือกรอง ผอ. สถานศึกษา แน่นนอน ขณะนี้มีแค่ 2 ทางเลือก คือ จะใช้แนวทางการสรรหาตามหลักเกณฑ์เดิมที่มีอยู่ หรือเสนอใช้หลักเกณฑ์ใหม่ ที่ล้อกับการสรรหา ผอ.สถานศึกษา คือ ให้พัฒนาก่อนประจุแต่งตั้ง และให้มีการประเมินการปฏิบัติงาน เป็นต้น” ปลัด.ศธ.กล่าว

สำหรับ จำนวนตำแหน่งว่างตามประกาศรับสมัครคัดเลือกบุคคล เพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผอ.สถานศึกษา ในสังกัด สพฐ. ปี2559 ดังนี้ กศจ. เปิดรับสมัครคัดเลือก 76 แห่ง แบ่งเป็น ผอ.สถานศึกษา สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) 2,848 อัตรา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) 6 อัตรา  และ สศศ. 8 อัตรา รวมทั้งสิ้น 2,862 อัตรา โดยจำแนกเป็นราย กศจ./สศศ. ดังนี้

  • กรุงเทพฯ 2 อัตรา
  • กระบี่  52 อัตรา
  • กาญจนบุรี 27 อัตรา
  • กาฬสินธุ์ 19 อัตรา
  • กำแพงเพชร 78 อัตรา
  • ขอนแก่น 34 อัตรา
  • จันทบุรี 34 อัตรา
  • ฉะเชิงเทรา 69 อัตรา
  • ชลบุรี 39 อัตรา
  • ชัยนาท 34 อัตรา
  • ชัยภูมิ 43 อัตรา
  • ชุมพร 57 อัตรา
  • เชียงราย 23 อัตรา
  • เชียงใหม่ 98 อัตรา
  • ตรัง 27 อัตรา
  • ตราด 27 อัตรา
  • ตาก 39 อัตรา
  • นครนายก 30 อัตรา
  • นครปฐม 47 อัตรา
  • นครพนม 12 อัตรา
  • นครราชสีมา 90 อัตรา
  • นครศรีธรรมราช 82 อัตรา
  • นครสวรรค์ 76 อัตรา
  • นนทบุรี 25 อัตรา
  • นราธิวาส 46 อัตรา
  • น่าน 21 อัตรา
  • บุรีรมย์ 34 อัตรา
  • ปทุมธานี 47 อัตรา
  • ประจวบคีรีขันธ์ 52 อัตรา
  • ปราจีนบุรี 5 อัตรา
  • ปัตตานี 53 อัตรา
  • พระนครศรีอยุธยา 80 อัตรา
  • พะเยา 19 อัตรา
  • พังงา 29 อัตรา
  • พัทลุง 51อัตรา
  • พิจิตร 32 อัตรา
  • พิษณุโลก 31 อัตรา
  • เพชรบุรี 54 อัตรา
  • เพชรบูรณ์ 48 อัตรา
  • แพร่ 15 อัตรา
  • ภูเก็ต 7 อัตรา
  • มหาสารคาม 42 อัตรา
  • มุกดาหาร 14 อัตรา
  • แม่ฮ่องสอน 42 อัตรา
  • ยโสธร 15 อัตรา
  • ยะลา 25 อัตรา
  • ร้อยเอ็ด 41 อัตรา
  • ระนอง 17 อัตรา
  • ระยอง 44 อัตรา
  • ราชบุรี 84 อัตรา
  • ลพบุรี 53 อัตรา
  • ลำปาง 39 อัตรา
  • ลำพูน 16 อัตรา
  • เลย 31 อัตรา
  • ศรีสะเกษ  33 อัตรา
  • สกลนคร 20 อัตรา
  • สงขลา 35 อัตรา
  • สตูล 12 อัตรา
  • สมุทรปราการ 28 อัตรา
  • สมุทรสงคราม 23 อัตรา
  • สมุทรสาคร 21 อัตรา
  • สระแก้ว 22 อัตรา
  • สระบุรี 59 อัตรา
  • สิงห์บุรี 14 อัตรา
  • สุโขทัย 37 อัตรา
  • สุพรรณบุรี 83 อัตรา
  • สุราษฎร์ธานี 107 อัตรา
  • สุรินทร์ 18 อัตรา
  • หนองคาย 32 อัตรา
  • หนองบัวลำภู 5 อัตรา
  • อ่างทอง 34 อัตรา
  • อำนาจเจริญ 8 อัตรา
  • อุดรธานี 35 อัตรา
  • อุตรดิตถ์ 18 อัตรา
  • อุทัยธานี 11 อัตรา
  • อุบลราชธานี 48 อัตรา
  • สศศ. 8 อัตรา

ที่มา : สยามรัฐ

ชูแนวทางในหลวง ร.9 แก้ปัญหาการศึกษาไทย – ครูระยอง


ชูแนวทางในหลวง ร.9 แก้ปัญหาการศึกษาไทย

Print Friendly

การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสขององค์การรัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้(ซีมีโอ) ครั้งที่ 39โดยมีผู้แทนอาวุโสระดับสูงจากประเทศสมาชิก 11 ประเทศ ได้แก่ บูรไนดารุสซาลาม กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ติมอร์เลสเต และเวียดนาม รวมทั้งผู้แทนสมาชิกสมทบ ศูนย์ระดับภูมิภาคของซีมีโอ ผู้ร่วมสังเกตจากญี่ปุ่น จีน และองค์กรระหว่างประเทศกว่า 100 คนเข้าร่วม ทั้งนี้ก่อนการประชุมผู้เข้าร่วมประชุมได้ร่วมยืนสงบนิ่งแสดงความอาลัยถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วย
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ขอบคุณที่ทุกท่านที่ยืนสงบนิ่งเพื่อแสดงความอาลัยถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ครั้งนี้เป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของคนไทยทั้งประเทศที่สุดเท่าที่เคยมีมา แนวทางที่พระองค์ท่านพระราชทานเพื่อการแก้ปัญหาทุกเรื่องรวมถึงการศึกษานั้น เป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืน ไม่ใช่การแก้ปัญหาแบบการเมือง ซึ่งรัฐบาลและตนได้น้อมนำมาปฏิบัติอย่างจริงจัง พระองค์สอนไม่ให้เราเห็นแก่ตัว ให้นึกถึงเพื่อนในอาเซียนด้วย ซึ่งสิ่งที่ซีมีโอดำเนินการอยู่ก็เป็นการร่วมกันแก้ไขปัญหาการศึกษาในภูมิภาคและกลุ่มสมาชิกสมทบ เพื่ออนาคตของเด็ก ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า เราจะเดินไปด้วยกันจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ก็จะไม่ทิ้งเด็กสักคนเดียวไว้ข้างหลัง และตนคิดว่าประเทศสมาชิกซีมีโอก็จะไม่ทิ้งเด็กของท่านไว้ข้างหลังแม้แต่คนเดียวด้วย

“ไทยได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางในการพัฒนาประเทศ ซึ่งโครงการอันเนื่องพระราชดำริกว่า 4,000 โครงการนั้น มีกว่า 400 โครงการที่เป็นโครงการเพื่อพัฒนาการศึกษา สวัสดิภาพและสวัสดิการของประชาชนชาวไทย ซึ่งรัฐบาลได้ยึดถือเป็นแนวทางในการส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวิตและพัฒนาการศึกษาอย่างมีคุณภาพ เชื่อมั่นว่าจะนำพาประเทศไทยบรรลุตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ(2030 Agenda for SDG)ได้”
รมว.ศธ.กล่าว

ที่มา : เดลินิวส์

ข่าวอื่นๆ

แสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

เฟ้นครูใช้วิธีสอนแบบในหลวง ร.9 รับรางวัลวันครูปี 60 – ครูระยอง

Print Friendly

นายชัยยศ อิ่มสุวรรณ์ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ตนได้เสนอผลการประชุมคณะอนุกรรมการจัดงานวันครู ครั้งที่ 61 ประจำปี 2560 ที่มีแนวคิดจะถวายพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อย่างสูงสุด ในฐานะที่ทรงเป็นบูรพาจารย์ของครู รวมถึงยังมีแนวคิดที่แต่งฉันท์พิเศษ สำหรับพระองค์ขึ้นเพื่อเชิดชูพระเกียรติจากเดิมที่มีเฉพาะคำฉันท์ไหว้ครู ที่ขึ้นต้นว่า “ปาเจราจริยาโหนติ คุณุตตรานุสาสกา” ซึ่งให้นักเรียนท่องอยู่เพียงบทเดียว

ต่อ พล.อ.ดาว์พงษ์  รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาการ รับทราบ ซึ่ง พล.อ.ดาว์พงษ์ เห็นด้วยในหลักการ และมอบหมายให้สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ไปประสานกับผู้เกี่ยวข้องในการดำเนินการต่าง ๆ  รวมถึงหาผู้ที่มีความรู้มาแต่งฉันท์ สำหรับเชิดชูเกียรติพระองค์ท่านด้วย

รองปลัด ศธ. กล่าวต่อว่า สำหรับการพิจารณามอบรางวัลเชิดชูเกียรติให้แก่ครูปีนี้ นอกจากจะพิจารณาตามหลักเกณฑ์ปกติแล้ว ยังจะเน้นเชิดชูเกียรติครู ที่นำแนวทางการสอนของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่สอนจากการปฏิบัติจริง ดังที่พระองค์ทรงเคยพระราชทานความรู้ให้นักเรียนผ่านทางรายการศึกษาทัศน์ ของมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม โดยจากนี้คุรุสภาจะต้องไปวางหลักเกณฑ์การพิจารณาให้เหมาะสม และนำเข้าหารือร่วมกับคณะอนุกรรมการฯ อีกครั้ง ในเดือน ธ.ค.59 นี้

ที่มา : สยามรัฐ

ศธ.แจกแจงหน้าที่ผู้แทน ก.ค.ศ.ใน กศจ.หลังเจอเสียงสะท้อนนโยบาย ศธ.ไปไม่ถึง ร.ร. – ครูระยอง

Print Friendly

นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้ประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินงานของศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) และผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ในคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) โดยเฉพาะการทำงานของผู้แทนสำนักงาน ก.ค.ศ.ซึ่งต้องตอบคำถามเกี่ยวกับการบริหารบุคคลกร และแนวปฏิบัติในพื้นที่ให้กับ กศจ.เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดในทางปฏิบัติ

ทั้งนี้ ได้ย้ำให้ผู้แทนสำนักงาน ก.ค.ศ.ทุกคน ยึดระเบียบ และกฎหมายเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ศธ.มีเป้าหมายชัดเจนว่าเน้นกระจายอำนาจโดยใช้จังหวัดเป็นฐาน ดังนั้น ศธจ.จึงมีหน้าที่สำคัญในการนโยบายลงสู่การปฏิบัติในพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมามีเสียงสะท้อนว่าหลายนโยบายไปไม่ถึงระดับโรงเรียน บางแห่งยังไม่เข้าใจแนวทางการทำงาน จึงขอให้ปรับแนวทาง และเร่งทำความเข้าใจ ทั้งนี้ หากจังหวัดใดมีปัญหา ก็ขอให้แจ้งเข้ามายังส่วนกลางเพื่อหาทางแก้ไข

นายพิษณุ ตุลสุข รองปลัด ศธ.และประธานศูนย์ประสานงานการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาของ ศธ.ในภูมิภาค กล่าวว่า ได้ตั้งคณะทำงานศึกษาแนวทางการจัดตั้งสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด โดยจะวิเคราะห์ข้อดี ข้อเสีย รวมถึง บทบาทหน้าที่ของสำนักงาน ศธจ.เบื้องต้นทำหน้าที่เลขานุการของ กศจ.ส่วนหน้าที่อื่นๆ ยังไม่ชัดเจน เนื่องจากต้องรับฟังแนวทาง และข้อเสนอแนะจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอื่นๆ ด้วย เพื่อให้ได้ทิศทางที่ชัดเจน ก่อนเสนอให้ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการ ศธ.พิจารณาต่อไป

ที่มา : มติชน

ดาว์พงษ์ พอใจโรงเรียนแม่เหล็ก ยกระดับคุณภาพ-ทักษะชีวิตนร. – ครูระยอง

Print Friendly

พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ พร้อมด้วยผู้บริหาร ศธ. เดินทางมาตรวจเยี่ยมโครงการโรงเรียนดีใกล้บ้าน หรือโรงเรียนแม่เหล็ก โดย พล.อ.ดาว์พงษ์ กล่าวว่า ศธ.มีนโยบายแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็ก ที่มีนักเรียนต่ำกว่า 120 คน ซึ่งจากข้อมูลของ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) พบว่ามี 15,537 แห่ง ซึ่งกว่า 10 ปีที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีสายพระเนตรยาวไกลนำการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม มาใช้แก้ปัญหาโรงเรียนที่อยู่ห่างไกล ครูไม่ครบชั้น

ขณะเดียวกันทรงมีพระราชดำรัสว่า ทีวีไม่สามารถสอนคนให้เป็นคนดีได้ การจะสอนให้คนเป็นคนดีต้องใช้คนสอน คือ ครูและพ่อแม่ การยุบรวมโรงเรียนขนาดเล็ก ศธ.มองเรื่องคุณภาพการศึกษาของเด็ก และถ้าหากมีผู้ปกครองคัดค้านเพียงคนเดียวก็จะไม่ยุบ ซึ่งต้องขอบคุณฝ่ายปกครองท้องถิ่น ที่ช่วยทำความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกันได้

“ศธ.ตั้งเป้าภายใน 5 ปี จะควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กทั้งหมด โดยปีการศึกษา2/2559 นี้เริ่มจากโรงเรียนขนาดเล็ก ที่มีนักเรียนต่ำกว่า 20 คน จำนวน 827 แห่ง ซึ่ง สพฐ.ได้คัดเลือกโรงเรียนที่มีความพร้อม 300 กว่าแห่ง เป็นโรงเรียนแม่เหล็ก และโอนย้ายครู นักเรียนจากโรงเรียนขนาดเล็กที่อยู่ใกล้เคียงมาเรียนร่วม ซึ่ง รร.ชุมชนสามพร้าว เป็นหนึ่งในโรงเรียนแม่เหล็กที่นำนักเรียน จำนวน 57 คน และครู 11 คน จาก รร. บ้านนาหยาด และ รร.บ้านแมด มารวมกัน ซึ่งจากการสอบถามนักเรียนบ้านนาหยาด พบว่าในห้องเรียนมีเด็กแค่ 2 คน แต่เมื่อย้ายมาเรียนรวมทำให้มีเพื่อนเพิ่มขึ้นเป็น 34 คน ทำให้รู้จักการใช้ชีวิตร่วมกันในสังคม ซึ่งมีความสำคัญยิ่งกว่าคะแนนการเรียน และในปีต่อไปจะทยอยควบรวมจนเหลือโรงเรียนที่มีความเข้มแข็ง ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นก็จะมีโรงเรียนที่มีความเข้มแข็ง ประมาณ 20,000 แห่ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าโรงเรียนขนาดเล็กทุกแห่งจะถูกยุบ บางแห่งสามารถแปรสภาพเป็นโรงเรียนแม่เหล็กได้ หรือเป็นโรงเรียนที่อยู่ห่างไกล ถิ่นทุรกันดารไม่สามารถควบรวมได้ ซึ่งตรงนั้นผมจะไม่ลงไปแตะ”

นายกรัฐมนตรี เป็นห่วงและให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาโรงเรียนขนาดเล็กมาก ดังนั้น จะเร่งสรุปรายงานเสนอต่อไป

ที่มา : สยามรัฐ

คุรุสภาแก้กฎให้มีใบอนุญาต “ตั๋วครู” ตลอดชีพ – ครูระยอง

Print Friendly

นายสมศักดิ์ ดลประสิทธิ์ รองเลขาธิการสภาการศึกษา (รองเลขาฯ สกศ.) ในฐานะปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคุรุสภา กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) ได้เห็นชอบข้อบังคับคุรุสภาว่าด้วยการขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ พ.ศ.2559 ซึ่งเป็นข้อบังคับฉบับใหม่แล้ว โดยคาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะสามารถประกาศลงราชกิจจานุเบกษาให้มีผลบังคับใช้ต่อไปได้

สำหรับข้อบังคับฉบับใหม่นั้นได้อนุมัติให้ข้าราชการครูมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูตลอดชีวิตได้ แต่ต้องเป็นข้าราชการครูที่ขอต่อใบอนุญาตฯ ในรอบที่ 3 ระยะเวลาการทำงาน 15 ปี พร้อมทั้งต้องมีคุณสมบัติตามที่ข้อบังคับกำหนด เพราะถือว่ามีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญแล้ว สำหรับการออกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูตลอดชีวิตตามเงื่อนไขใหม่นั้นจะต้องมีการตรวจสอบประวัติ ซึ่งผู้ขอจะต้องไม่ถูกดำเนินคดีทางวินัยหรือกระทำผิดจรรยาบรรณวิชาชีพครู รวมถึงหากได้ใบอนุญาตฯ ตลอดชีวิตแล้ว แต่กระทำความผิด จะต้องสิ้นสุดการได้ใบอนุญาตฯ ตลอดชีวิตทันที และต้องไปเริ่มนับหนึ่งเข้าสู่กระบวนการขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูใหม่

รองเลขาธิการ สกศ.กล่าวต่อไปว่า สำหรับการออกใบอนุญาตฯ ตลอดชีวิตจะมีผลกระทบต่องบประมาณที่จะนำไปใช้พัฒนาคุณภาพครู เพราะการต่อใบอนุญาตฯ แต่ละครั้งครูต้องเสียค่าธรรมเนียมคนละ 200 บาท ดังนั้นคุรุสภากำลังจัดทำรายละเอียดเพื่อของบเพิ่มเติม โดยจะดูว่ากระทบกับภารกิจงานส่วนไหนบ้าง นอกจากนี้ข้อบังคับใหม่ยังได้ยกเลิกหลักเกณฑ์การจัดอบรมครูต่างชาติเพื่อขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ที่ต้องมีการอบรมภาษาและวัฒนธรรมไทย จำนวน 20 ชั่วโมง โดยเกณฑ์ใหม่จะให้สถานศึกษาที่รับครูต่างชาติมาสอนเป็นผู้อบรม และทำความเข้าใจในเรื่องกฎหมายและวัฒนธรรมไทยกับครูต่างชาติเอง.

ที่มา : ไทยโพสต์

ปรับองค์ประกอบ อกศจ.และเร่งบรรจุครูผู้ช่วย-การย้ายผู้บริหารโรงเรียน – ครูระยอง


ปรับองค์ประกอบ อกศจ.และเร่งบรรจุครูผู้ช่วย-การย้ายผู้บริหารโรงเรียน

Print Friendly

พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการในภูมิภาค เมื่อวันพุธที่ 19 ตุลาคม 2559 ว่าที่ประชุมได้เห็นชอบให้มีการปรับองค์ประกอบของคณะอนุกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (อกศจ.) จากเดิม 3 ชุดให้เหลือ 1 ชุด พร้อมกำหนดกรอบระยะเวลาการบรรจุครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น รุ่นแรก ภายในวันที่ 25 ตุลาคม 2559 และย้ายผู้อำนวยการโรงเรียนให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2559
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า จากเจตนารมณ์ในการดำเนินโครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น เพื่อต้องการให้บรรจุครูผู้ช่วยให้ทันก่อนเปิดภาคเรียนที่ 2 ในวันที่ 25 ตุลาคม 2559 แต่เนื่องจากเมื่อมีการตีความคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 10/2559 จึงต้องปรับคณะอนุกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (อกศจ.) ให้ถูกต้องตามกฎหมาย เป็นเหตุให้ต้องยุบ อกศจ. ทั้ง 3 คณะ ได้แก่

  • อกศจ.เกี่ยวกับวินัยข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
  • อกศจ.เกี่ยวกับวิทยฐานะและสิทธิประโยชน์ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
  • อกศจ.เกี่ยวกับการบรรจุ การแต่งตั้ง และการย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา

ให้เหลือเพียงชุดเดียว คือ อกศจ.เกี่ยวกับการบรรจุ การแต่งตั้ง และการย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อทำหน้าที่เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลทั้งหมด โดยมีองค์ประกอบ ดังนี้

  • บุคคลซึ่ง กศจ. แต่งตั้งจากผู้ซึ่งเป็น กศจ. เป็นประธานอนุกรรมการ
  • บุคคลซึ่ง กศจ. แต่งตั้งจากผู้ซึ่งเป็น กศจ. จำนวนสามคน เป็นอนุกรรมการ
  • ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หรือผู้อำนวยการสถานศึกษา ซึ่ง กศจ. แต่งตั้งจำนวนสองคน เป็นอนุกรรมการ
  • ผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่ง กศจ. แต่งตั้ง จำนวนไม่เกินสามคน เป็นอนุกรรมการ
  • ศึกษาธิการจังหวัด เป็นอนุกรรมการและเลขานุการ

ดังนั้น คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) ทุกจังหวัดต้องเร่งแต่งตั้ง อกศจ.ขึ้นมาใหม่ เพื่อไม่ให้การทำงานสะดุด และกระทรวงศึกษาธิการจะแจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ในฐานะประธาน กศจ. เพื่อชี้แจงและเร่งรัดให้มีการประชุมเพื่อดำเนินงานเร่งด่วนใน 2 ส่วน ดังนี้

  1. การบรรจุครูโครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น รุ่นแรก ปีการศึกษา 2559 ให้ทันภายในวันที่ 25 ตุลาคม 2559 ซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้น 3,311 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 19 ตุลาคม 2559) แบ่งเป็นสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน 3,203 คน สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา 106 คน และสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย 2 คน โดยบัญชีผู้ผ่านการคัดเลือกและสำรอง ต้องถูกยกเลิกในวันนี้ ซึ่ง สกอ.ได้ส่งรายชื่อไปแล้ว พร้อมทั้งคืนตำแหน่งที่เหลือให้กับ สพฐ.ด้วย
  2. การปรับย้ายผู้อำนวยการโรงเรียน ให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2559 ซึ่งเดิมต้องการให้ทันก่อนเปิดภาคเรียนที่ 2 นี้ แต่คาดว่าคงจะดำเนินการไม่ทันเพราะเป็นช่วงรอยต่อของนโยบาย อย่างไรก็ตามได้ให้นโยบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปแล้วว่า การย้ายผู้อำนวยการโรงเรียนและการสอบครูผู้ช่วยในปีต่อไป ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในต้นเดือนกันยายน เพื่อให้ทุกโรงเรียนมีครูและผู้บริหารโรงเรียนพร้อมก่อนเปิดภาคเรียน

ที่มา : moe

ข่าวอื่นๆ

แสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

ปรับปรุงแนวทางหลักเกณฑ์ฯ การสอบแข่งขัน ครูผู้ช่วย 2560 – ครูระยอง

Print Friendly

แนวทางหลักเกณฑ์และวิธีการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย เพื่อให้การบริหารงานบุคคลเป็นไปตามนโยบายกระทรวงศึกษาธิการ ที่ให้มีการจัดสอบที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทุกส่วนราชการ รวมทั้งเพื่อให้สถานศึกษามีอัตรากำลังข้าราชการครูเพียงพอต่อความต้องการ และทันกำหนดการเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 โดยแนวทางที่จะปรับปรุง สรุปดังนี้

1. การสอบแข่งขัน แบ่งเป็นภาค ก   ภาค ข  และภาค ค

2. ผู้ดำเนินการสอบแข่งขัน
   – ภาค ก
 ให้ ก.ค.ศ. หรือส่วนราชการ หรือหน่วยงานอื่นที่ ก.ค.ศ. มอบหมาย เป็นผู้ดำเนินการสอบ
   – ภาค ข และ ภาค ค  ให้คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) หรือ อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้งแล้วแต่กรณี เป็นผู้ดำเนินการสอบ

3. กำหนดวันเวลาในการสอบ
  
ภาค ก  ให้ ก.ค.ศ. หรือส่วนราชการ หรือหน่วยงานอื่นที่ ก.ค.ศ. มอบหมาย เป็นผู้กำหนดวันเวลาในการสอบ
   – ภาค ข และ ภาค ค  ให้ส่วนราชการ เป็นผู้กำหนดวันเวลาในการสอบ

4. คุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์สมัครสอบ
   – ภาค ก

     1) ต้องมีคุณสมบัติทั่วไปตามมาตรา 30
2
) ต้องมีคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งตามมาตรฐานตำแหน่ง ครูผู้ช่วย
     3) ต้องมีคุณวุฒิไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีทางการศึกษาหรือทางอื่น ที่ได้รับการรับรองจาก ก.ค.ศ. ไม่หลังวันรับสมัครวันสุดท้าย
  – ภาค ข และ ภาค ค  กำหนดเหมือนภาค ก แต่เพิ่มอีก 1 ข้อ คือ “ต้องมีหนังสือรับรองผลการสอบผ่าน ภาค ก ที่ยังไม่ครบอายุการขึ้นบัญชี”

5. หลักสูตรการสอบแข่งขัน แบ่งออก เป็น 3 ภาค
– ภาค ก  ความรอบรู้ ความสามารถทั่วไป และความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับคุณธรรม จริยธรรม และอุดมการณ์ของความเป็นครู มาตรฐานวิชาชีพทางการศึกษา และความรู้อื่นที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่
– ภาค ข  ความรู้ความสามารถที่ใช้เฉพาะตำแหน่ง
– ภาค ค  ความเหมาะสมกับตำแหน่งและวิชาชีพ

6. ค่าธรรมเนียมในการสมัคร
   – ภาค ก  ค่าธรรมเนียม 200 บาท
   – ภาค ข และ ภาค ค  ค่าธรรมเนียม 300 บาท

7. การดำเนินการสอบ ภาค ก  ภาค ข  และ ภาค ค
   1) ประกาศรับสมัครไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ
   2) รับสมัครสอบแข่งขันไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน ไม่เว้นวันหยุดฯ ด้วยการยื่นสมัครด้วยตนเองหรือยื่นสมัครทางอิเล็กทรอนิกส์
   3) กำหนดให้มีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสาร คุณสมบัติฯ
   4) ให้ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบแข่งขัน
   5) ผู้ดำเนินการสอบฯ อาจตั้งคณะกรรมการและเจ้าหน้าที่รับผิดชอบได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม

8. เกณฑ์การตัดสิน
   – ภาค ก  ใช้เกณฑ์ “ผ่าน” โดยต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละหกสิบ จึงจะออกหนังสือรับรองผลการสอบผ่านให้
   – ภาค ข และ ภาค ค  ต้องได้คะแนนแต่ละภาคไม่น้อยกว่าร้อยละหกสิบ จึงจะถือว่าเป็นผู้สอบแข่งขันได้

9. การประกาศรายชื่อ
   – ภาค ก
 ให้ประกาศรายชื่อผู้สอบผ่าน โดยต้องได้คะแนนไม่ต่ำกว่าร้อยละหกสิบ และให้ออกหนังสือรับรองผลให้แก่ผู้สอบผ่าน เพื่อนำไปใช้เป็นหลักฐานประกอบการสมัครสอบ ภาค ข และ ภาค ค
   – ภาค ข และ ภาค ค  ให้ประกาศรายชื่อเฉพาะผู้ที่ได้คะแนนแต่ละภาคไม่ต่ำกว่าร้อยละหกสิบ โดยให้เรียงลำดับที่จากผู้ที่ได้คะแนนรวมทั้ง 2 ภาค จากมากไปหาน้อย

10. อายุหนังสือรับรองผลการสอบ ภาค ก   หนังสือรับรองผลการสอบผ่าน ภาค ก ให้ใช้ได้ไม่เกินห้าปี นับแต่วันที่ประกาศรายชื่อผู้สอบผ่าน หากได้รับการบรรจุและแต่งตั้งฯแล้ว หนังสือรับรองผลการสอบผ่าน ภาค ก ทุกฉบับ ที่ออกก่อนวันบรรจุและแต่งตั้งเป็นอันยกเลิก

11. อายุการขึ้นบัญชี   บัญชีผู้สอบแข่งขันได้ ให้เป็นไปตามประกาศการขึ้นบัญชีฯ

12. การเรียกตัวเพื่อบรรจุและแต่งตั้ง
   1) ครั้งแรก ให้ใช้ประกาศขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ เป็นการเรียกตัวผู้มีสิทธิ์ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งตามลำดับที่ที่ประกาศผลการสอบแข่งขัน ก่อนการเปิดภาคเรียนไม่น้อยกว่า 15 วัน
   2) ครั้งต่อๆ ไป ให้ผู้ดำเนินการสอบแข่งขัน ทำหนังสือเรียกตัวผู้สอบแข่งขันได้โดยตรงเป็นรายบุคคล ก่อนวันรายงานตัวไม่น้อยกว่าสิบวัน

ที่มา : moe

ประกาศเกณฑ์การแข่งขัน ศิลปหัตถกรรมนักเรียน ครั้งที่ 66 ปีการศึกษา 2559 – ครูระยอง


ประกาศเกณฑ์การแข่งขัน ศิลปหัตถกรรมนักเรียน ครั้งที่ 66 ปีการศึกษา 2559

เกณฑ์การแข่งขัน ศิลปหัตถกรรมนักเรียน ครั้งที่ 66

Print Friendly

ประกาศเกณฑ์การแข่งขัน ศิลปหัตถกรรมนักเรียน ครั้งที่ 66 ปีการศึกษา 2559

  • นักบินน้อย สพฐ. คลิกที่นี่
  • สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม คลิกที่นี่(แก้ไข  วันที่ 24 ส.ค. 59 )
  • สุขศึกษาและพลศึกษา คลิกที่นี่
  • ศิลปะ (ทัศนศิลป์ ดนตรี และนาฏศิลป์) คลิกที่นี่ (แก้ไข ณ วันที่ 22 ส.ค. 59 รายการที่16,แก้ไขหน้า 48 ยะวาเก่า)
  • การงานอาชีพและเทคโนโลยี (งานอาชีพ  คอมพิวเตอร์ ) คลิกที่นี่
  • หุ่นยนต์ คลิกที่นี่
  • ภาษาต่างประเทศ   คลิกที่นี่ (แก้ไข ณ วันที่ 19 ส.ค. 59)
  • กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน  คลิกที่นี่  (แก้ไข หน้าที่ 24 สภานักเรียน ณ วันที่ 1 ก.ย. 59)
  • ศึกษาพิเศษ โรงเรียนเรียนร่วม คลิกที่นี่ (แก้ไข  ณ วันที่ 31 ส.ค. 59)
  • การศึกษาพิเศษ เฉพาะความพิการ คลิกที่นี่ (แก้ไข ณ วันที่ 31 ส.ค. 59)

กิจกรรมท้องถิ่น 

  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
  • ภาคกลาง

ข่าวอื่นๆ

แสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

สทศ.คลอดปฏิทินสอบ GAT/PAT ปี59 – ครูระยอง


สทศ.คลอดปฏิทินสอบ GAT/PAT ปี59

สทศ.คลอดปฏิทินสอบ GAT/PAT ปี59

Print Friendly

นายสัมพันธ์ พันธุ์พฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) เปิดเผยว่า สทศ.ได้กำหนดปฏิทินการจัดการทดสอบความถนัดทั่วไป (GAT) และความถนัดทางวิชาการ/วิชาชีพ (PAT) ปีการศึกษา 2560 ดังนี้

  • รับสมัครวันที่ 10-29 สิงหาคม ผ่านทางเว็บไซต์ สทศ. www.niets.or.th
  • ชำระเงินวันที่ 10-30 สิงหาคม ชำระเงินได้ที่ธนาคารกรุงไทยและเคาน์เตอร์เซอร์วิส (ปิดระบบชำระเงินวันที่ 30 สิงหาคม เวลา 20.00 น.)
  • ตรวจสอบและแก้ไขข้อมูลผู้สมัคร วันที่ 10 สิงหาคม-2 กันยายน
  • ประกาศเลขที่นั่งสอบ สถานที่สอบ พิมพ์บัตรประจำตัวผู้เข้าสอบ วันที่ 20 กันยายน
  • สอบวันที่ 29 ตุลาคม-1 พฤศจิกายน
  • ประกาศผลสอบวันที่ 15 ธันวาคม

สำหรับการสอบ GAT/PAT ครั้งที่ 2/2560

  • รับสมัครวันที่ 7-26 ธันวาคม
  • สอบวันที่ 11-14 มกราคม 2560
  • ประกาศผลสอบวันที่ 20 เมษายน 2560

ทั้งนี้ คุณสมบัติของผู้สมัครสอบ จะต้องเป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือเทียบเท่า ม.6 หรือสูงกว่า ม.6 ขึ้นไป โดย สทศ.ได้ประชาสัมพันธ์ข้อมูลการจัดสอบ GAT/PAT ประจำปีการศึกษา 2560 เช่น เนื้อหาการสอบ รูปแบบข้อสอบ ตัวอย่างกระดาษคำตอบ ฯลฯ สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.niets.or.th

ที่มา : มติชน

ข่าวอื่นๆ

แสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

Our partners from Mexico:
Productos de salud
Carlos Torre