ศธ.แจกแจงหน้าที่ผู้แทน ก.ค.ศ.ใน กศจ.หลังเจอเสียงสะท้อนนโยบาย ศธ.ไปไม่ถึง ร.ร. – ครูระยอง

Print Friendly

นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้ประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินงานของศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) และผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ในคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) โดยเฉพาะการทำงานของผู้แทนสำนักงาน ก.ค.ศ.ซึ่งต้องตอบคำถามเกี่ยวกับการบริหารบุคคลกร และแนวปฏิบัติในพื้นที่ให้กับ กศจ.เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดในทางปฏิบัติ

ทั้งนี้ ได้ย้ำให้ผู้แทนสำนักงาน ก.ค.ศ.ทุกคน ยึดระเบียบ และกฎหมายเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ศธ.มีเป้าหมายชัดเจนว่าเน้นกระจายอำนาจโดยใช้จังหวัดเป็นฐาน ดังนั้น ศธจ.จึงมีหน้าที่สำคัญในการนโยบายลงสู่การปฏิบัติในพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมามีเสียงสะท้อนว่าหลายนโยบายไปไม่ถึงระดับโรงเรียน บางแห่งยังไม่เข้าใจแนวทางการทำงาน จึงขอให้ปรับแนวทาง และเร่งทำความเข้าใจ ทั้งนี้ หากจังหวัดใดมีปัญหา ก็ขอให้แจ้งเข้ามายังส่วนกลางเพื่อหาทางแก้ไข

นายพิษณุ ตุลสุข รองปลัด ศธ.และประธานศูนย์ประสานงานการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาของ ศธ.ในภูมิภาค กล่าวว่า ได้ตั้งคณะทำงานศึกษาแนวทางการจัดตั้งสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด โดยจะวิเคราะห์ข้อดี ข้อเสีย รวมถึง บทบาทหน้าที่ของสำนักงาน ศธจ.เบื้องต้นทำหน้าที่เลขานุการของ กศจ.ส่วนหน้าที่อื่นๆ ยังไม่ชัดเจน เนื่องจากต้องรับฟังแนวทาง และข้อเสนอแนะจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอื่นๆ ด้วย เพื่อให้ได้ทิศทางที่ชัดเจน ก่อนเสนอให้ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการ ศธ.พิจารณาต่อไป

ที่มา : มติชน

ดาว์พงษ์ พอใจโรงเรียนแม่เหล็ก ยกระดับคุณภาพ-ทักษะชีวิตนร. – ครูระยอง

Print Friendly

พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ พร้อมด้วยผู้บริหาร ศธ. เดินทางมาตรวจเยี่ยมโครงการโรงเรียนดีใกล้บ้าน หรือโรงเรียนแม่เหล็ก โดย พล.อ.ดาว์พงษ์ กล่าวว่า ศธ.มีนโยบายแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็ก ที่มีนักเรียนต่ำกว่า 120 คน ซึ่งจากข้อมูลของ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) พบว่ามี 15,537 แห่ง ซึ่งกว่า 10 ปีที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีสายพระเนตรยาวไกลนำการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม มาใช้แก้ปัญหาโรงเรียนที่อยู่ห่างไกล ครูไม่ครบชั้น

ขณะเดียวกันทรงมีพระราชดำรัสว่า ทีวีไม่สามารถสอนคนให้เป็นคนดีได้ การจะสอนให้คนเป็นคนดีต้องใช้คนสอน คือ ครูและพ่อแม่ การยุบรวมโรงเรียนขนาดเล็ก ศธ.มองเรื่องคุณภาพการศึกษาของเด็ก และถ้าหากมีผู้ปกครองคัดค้านเพียงคนเดียวก็จะไม่ยุบ ซึ่งต้องขอบคุณฝ่ายปกครองท้องถิ่น ที่ช่วยทำความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกันได้

“ศธ.ตั้งเป้าภายใน 5 ปี จะควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กทั้งหมด โดยปีการศึกษา2/2559 นี้เริ่มจากโรงเรียนขนาดเล็ก ที่มีนักเรียนต่ำกว่า 20 คน จำนวน 827 แห่ง ซึ่ง สพฐ.ได้คัดเลือกโรงเรียนที่มีความพร้อม 300 กว่าแห่ง เป็นโรงเรียนแม่เหล็ก และโอนย้ายครู นักเรียนจากโรงเรียนขนาดเล็กที่อยู่ใกล้เคียงมาเรียนร่วม ซึ่ง รร.ชุมชนสามพร้าว เป็นหนึ่งในโรงเรียนแม่เหล็กที่นำนักเรียน จำนวน 57 คน และครู 11 คน จาก รร. บ้านนาหยาด และ รร.บ้านแมด มารวมกัน ซึ่งจากการสอบถามนักเรียนบ้านนาหยาด พบว่าในห้องเรียนมีเด็กแค่ 2 คน แต่เมื่อย้ายมาเรียนรวมทำให้มีเพื่อนเพิ่มขึ้นเป็น 34 คน ทำให้รู้จักการใช้ชีวิตร่วมกันในสังคม ซึ่งมีความสำคัญยิ่งกว่าคะแนนการเรียน และในปีต่อไปจะทยอยควบรวมจนเหลือโรงเรียนที่มีความเข้มแข็ง ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นก็จะมีโรงเรียนที่มีความเข้มแข็ง ประมาณ 20,000 แห่ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าโรงเรียนขนาดเล็กทุกแห่งจะถูกยุบ บางแห่งสามารถแปรสภาพเป็นโรงเรียนแม่เหล็กได้ หรือเป็นโรงเรียนที่อยู่ห่างไกล ถิ่นทุรกันดารไม่สามารถควบรวมได้ ซึ่งตรงนั้นผมจะไม่ลงไปแตะ”

นายกรัฐมนตรี เป็นห่วงและให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาโรงเรียนขนาดเล็กมาก ดังนั้น จะเร่งสรุปรายงานเสนอต่อไป

ที่มา : สยามรัฐ

คุรุสภาแก้กฎให้มีใบอนุญาต “ตั๋วครู” ตลอดชีพ – ครูระยอง

Print Friendly

นายสมศักดิ์ ดลประสิทธิ์ รองเลขาธิการสภาการศึกษา (รองเลขาฯ สกศ.) ในฐานะปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคุรุสภา กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) ได้เห็นชอบข้อบังคับคุรุสภาว่าด้วยการขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ พ.ศ.2559 ซึ่งเป็นข้อบังคับฉบับใหม่แล้ว โดยคาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะสามารถประกาศลงราชกิจจานุเบกษาให้มีผลบังคับใช้ต่อไปได้

สำหรับข้อบังคับฉบับใหม่นั้นได้อนุมัติให้ข้าราชการครูมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูตลอดชีวิตได้ แต่ต้องเป็นข้าราชการครูที่ขอต่อใบอนุญาตฯ ในรอบที่ 3 ระยะเวลาการทำงาน 15 ปี พร้อมทั้งต้องมีคุณสมบัติตามที่ข้อบังคับกำหนด เพราะถือว่ามีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญแล้ว สำหรับการออกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูตลอดชีวิตตามเงื่อนไขใหม่นั้นจะต้องมีการตรวจสอบประวัติ ซึ่งผู้ขอจะต้องไม่ถูกดำเนินคดีทางวินัยหรือกระทำผิดจรรยาบรรณวิชาชีพครู รวมถึงหากได้ใบอนุญาตฯ ตลอดชีวิตแล้ว แต่กระทำความผิด จะต้องสิ้นสุดการได้ใบอนุญาตฯ ตลอดชีวิตทันที และต้องไปเริ่มนับหนึ่งเข้าสู่กระบวนการขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูใหม่

รองเลขาธิการ สกศ.กล่าวต่อไปว่า สำหรับการออกใบอนุญาตฯ ตลอดชีวิตจะมีผลกระทบต่องบประมาณที่จะนำไปใช้พัฒนาคุณภาพครู เพราะการต่อใบอนุญาตฯ แต่ละครั้งครูต้องเสียค่าธรรมเนียมคนละ 200 บาท ดังนั้นคุรุสภากำลังจัดทำรายละเอียดเพื่อของบเพิ่มเติม โดยจะดูว่ากระทบกับภารกิจงานส่วนไหนบ้าง นอกจากนี้ข้อบังคับใหม่ยังได้ยกเลิกหลักเกณฑ์การจัดอบรมครูต่างชาติเพื่อขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ที่ต้องมีการอบรมภาษาและวัฒนธรรมไทย จำนวน 20 ชั่วโมง โดยเกณฑ์ใหม่จะให้สถานศึกษาที่รับครูต่างชาติมาสอนเป็นผู้อบรม และทำความเข้าใจในเรื่องกฎหมายและวัฒนธรรมไทยกับครูต่างชาติเอง.

ที่มา : ไทยโพสต์

ปรับองค์ประกอบ อกศจ.และเร่งบรรจุครูผู้ช่วย-การย้ายผู้บริหารโรงเรียน – ครูระยอง


ปรับองค์ประกอบ อกศจ.และเร่งบรรจุครูผู้ช่วย-การย้ายผู้บริหารโรงเรียน

Print Friendly

พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการในภูมิภาค เมื่อวันพุธที่ 19 ตุลาคม 2559 ว่าที่ประชุมได้เห็นชอบให้มีการปรับองค์ประกอบของคณะอนุกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (อกศจ.) จากเดิม 3 ชุดให้เหลือ 1 ชุด พร้อมกำหนดกรอบระยะเวลาการบรรจุครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น รุ่นแรก ภายในวันที่ 25 ตุลาคม 2559 และย้ายผู้อำนวยการโรงเรียนให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2559
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า จากเจตนารมณ์ในการดำเนินโครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น เพื่อต้องการให้บรรจุครูผู้ช่วยให้ทันก่อนเปิดภาคเรียนที่ 2 ในวันที่ 25 ตุลาคม 2559 แต่เนื่องจากเมื่อมีการตีความคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 10/2559 จึงต้องปรับคณะอนุกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (อกศจ.) ให้ถูกต้องตามกฎหมาย เป็นเหตุให้ต้องยุบ อกศจ. ทั้ง 3 คณะ ได้แก่

  • อกศจ.เกี่ยวกับวินัยข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
  • อกศจ.เกี่ยวกับวิทยฐานะและสิทธิประโยชน์ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
  • อกศจ.เกี่ยวกับการบรรจุ การแต่งตั้ง และการย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา

ให้เหลือเพียงชุดเดียว คือ อกศจ.เกี่ยวกับการบรรจุ การแต่งตั้ง และการย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อทำหน้าที่เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลทั้งหมด โดยมีองค์ประกอบ ดังนี้

  • บุคคลซึ่ง กศจ. แต่งตั้งจากผู้ซึ่งเป็น กศจ. เป็นประธานอนุกรรมการ
  • บุคคลซึ่ง กศจ. แต่งตั้งจากผู้ซึ่งเป็น กศจ. จำนวนสามคน เป็นอนุกรรมการ
  • ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หรือผู้อำนวยการสถานศึกษา ซึ่ง กศจ. แต่งตั้งจำนวนสองคน เป็นอนุกรรมการ
  • ผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่ง กศจ. แต่งตั้ง จำนวนไม่เกินสามคน เป็นอนุกรรมการ
  • ศึกษาธิการจังหวัด เป็นอนุกรรมการและเลขานุการ

ดังนั้น คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) ทุกจังหวัดต้องเร่งแต่งตั้ง อกศจ.ขึ้นมาใหม่ เพื่อไม่ให้การทำงานสะดุด และกระทรวงศึกษาธิการจะแจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ในฐานะประธาน กศจ. เพื่อชี้แจงและเร่งรัดให้มีการประชุมเพื่อดำเนินงานเร่งด่วนใน 2 ส่วน ดังนี้

  1. การบรรจุครูโครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น รุ่นแรก ปีการศึกษา 2559 ให้ทันภายในวันที่ 25 ตุลาคม 2559 ซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้น 3,311 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 19 ตุลาคม 2559) แบ่งเป็นสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน 3,203 คน สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา 106 คน และสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย 2 คน โดยบัญชีผู้ผ่านการคัดเลือกและสำรอง ต้องถูกยกเลิกในวันนี้ ซึ่ง สกอ.ได้ส่งรายชื่อไปแล้ว พร้อมทั้งคืนตำแหน่งที่เหลือให้กับ สพฐ.ด้วย
  2. การปรับย้ายผู้อำนวยการโรงเรียน ให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2559 ซึ่งเดิมต้องการให้ทันก่อนเปิดภาคเรียนที่ 2 นี้ แต่คาดว่าคงจะดำเนินการไม่ทันเพราะเป็นช่วงรอยต่อของนโยบาย อย่างไรก็ตามได้ให้นโยบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปแล้วว่า การย้ายผู้อำนวยการโรงเรียนและการสอบครูผู้ช่วยในปีต่อไป ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในต้นเดือนกันยายน เพื่อให้ทุกโรงเรียนมีครูและผู้บริหารโรงเรียนพร้อมก่อนเปิดภาคเรียน

ที่มา : moe

ข่าวอื่นๆ

แสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

ปรับปรุงแนวทางหลักเกณฑ์ฯ การสอบแข่งขัน ครูผู้ช่วย 2560 – ครูระยอง

Print Friendly

แนวทางหลักเกณฑ์และวิธีการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย เพื่อให้การบริหารงานบุคคลเป็นไปตามนโยบายกระทรวงศึกษาธิการ ที่ให้มีการจัดสอบที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทุกส่วนราชการ รวมทั้งเพื่อให้สถานศึกษามีอัตรากำลังข้าราชการครูเพียงพอต่อความต้องการ และทันกำหนดการเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 โดยแนวทางที่จะปรับปรุง สรุปดังนี้

1. การสอบแข่งขัน แบ่งเป็นภาค ก   ภาค ข  และภาค ค

2. ผู้ดำเนินการสอบแข่งขัน
   – ภาค ก
 ให้ ก.ค.ศ. หรือส่วนราชการ หรือหน่วยงานอื่นที่ ก.ค.ศ. มอบหมาย เป็นผู้ดำเนินการสอบ
   – ภาค ข และ ภาค ค  ให้คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) หรือ อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้งแล้วแต่กรณี เป็นผู้ดำเนินการสอบ

3. กำหนดวันเวลาในการสอบ
  
ภาค ก  ให้ ก.ค.ศ. หรือส่วนราชการ หรือหน่วยงานอื่นที่ ก.ค.ศ. มอบหมาย เป็นผู้กำหนดวันเวลาในการสอบ
   – ภาค ข และ ภาค ค  ให้ส่วนราชการ เป็นผู้กำหนดวันเวลาในการสอบ

4. คุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์สมัครสอบ
   – ภาค ก

     1) ต้องมีคุณสมบัติทั่วไปตามมาตรา 30
2
) ต้องมีคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งตามมาตรฐานตำแหน่ง ครูผู้ช่วย
     3) ต้องมีคุณวุฒิไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีทางการศึกษาหรือทางอื่น ที่ได้รับการรับรองจาก ก.ค.ศ. ไม่หลังวันรับสมัครวันสุดท้าย
  – ภาค ข และ ภาค ค  กำหนดเหมือนภาค ก แต่เพิ่มอีก 1 ข้อ คือ “ต้องมีหนังสือรับรองผลการสอบผ่าน ภาค ก ที่ยังไม่ครบอายุการขึ้นบัญชี”

5. หลักสูตรการสอบแข่งขัน แบ่งออก เป็น 3 ภาค
– ภาค ก  ความรอบรู้ ความสามารถทั่วไป และความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับคุณธรรม จริยธรรม และอุดมการณ์ของความเป็นครู มาตรฐานวิชาชีพทางการศึกษา และความรู้อื่นที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่
– ภาค ข  ความรู้ความสามารถที่ใช้เฉพาะตำแหน่ง
– ภาค ค  ความเหมาะสมกับตำแหน่งและวิชาชีพ

6. ค่าธรรมเนียมในการสมัคร
   – ภาค ก  ค่าธรรมเนียม 200 บาท
   – ภาค ข และ ภาค ค  ค่าธรรมเนียม 300 บาท

7. การดำเนินการสอบ ภาค ก  ภาค ข  และ ภาค ค
   1) ประกาศรับสมัครไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ
   2) รับสมัครสอบแข่งขันไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน ไม่เว้นวันหยุดฯ ด้วยการยื่นสมัครด้วยตนเองหรือยื่นสมัครทางอิเล็กทรอนิกส์
   3) กำหนดให้มีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสาร คุณสมบัติฯ
   4) ให้ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบแข่งขัน
   5) ผู้ดำเนินการสอบฯ อาจตั้งคณะกรรมการและเจ้าหน้าที่รับผิดชอบได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม

8. เกณฑ์การตัดสิน
   – ภาค ก  ใช้เกณฑ์ “ผ่าน” โดยต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละหกสิบ จึงจะออกหนังสือรับรองผลการสอบผ่านให้
   – ภาค ข และ ภาค ค  ต้องได้คะแนนแต่ละภาคไม่น้อยกว่าร้อยละหกสิบ จึงจะถือว่าเป็นผู้สอบแข่งขันได้

9. การประกาศรายชื่อ
   – ภาค ก
 ให้ประกาศรายชื่อผู้สอบผ่าน โดยต้องได้คะแนนไม่ต่ำกว่าร้อยละหกสิบ และให้ออกหนังสือรับรองผลให้แก่ผู้สอบผ่าน เพื่อนำไปใช้เป็นหลักฐานประกอบการสมัครสอบ ภาค ข และ ภาค ค
   – ภาค ข และ ภาค ค  ให้ประกาศรายชื่อเฉพาะผู้ที่ได้คะแนนแต่ละภาคไม่ต่ำกว่าร้อยละหกสิบ โดยให้เรียงลำดับที่จากผู้ที่ได้คะแนนรวมทั้ง 2 ภาค จากมากไปหาน้อย

10. อายุหนังสือรับรองผลการสอบ ภาค ก   หนังสือรับรองผลการสอบผ่าน ภาค ก ให้ใช้ได้ไม่เกินห้าปี นับแต่วันที่ประกาศรายชื่อผู้สอบผ่าน หากได้รับการบรรจุและแต่งตั้งฯแล้ว หนังสือรับรองผลการสอบผ่าน ภาค ก ทุกฉบับ ที่ออกก่อนวันบรรจุและแต่งตั้งเป็นอันยกเลิก

11. อายุการขึ้นบัญชี   บัญชีผู้สอบแข่งขันได้ ให้เป็นไปตามประกาศการขึ้นบัญชีฯ

12. การเรียกตัวเพื่อบรรจุและแต่งตั้ง
   1) ครั้งแรก ให้ใช้ประกาศขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ เป็นการเรียกตัวผู้มีสิทธิ์ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งตามลำดับที่ที่ประกาศผลการสอบแข่งขัน ก่อนการเปิดภาคเรียนไม่น้อยกว่า 15 วัน
   2) ครั้งต่อๆ ไป ให้ผู้ดำเนินการสอบแข่งขัน ทำหนังสือเรียกตัวผู้สอบแข่งขันได้โดยตรงเป็นรายบุคคล ก่อนวันรายงานตัวไม่น้อยกว่าสิบวัน

ที่มา : moe

ประกาศเกณฑ์การแข่งขัน ศิลปหัตถกรรมนักเรียน ครั้งที่ 66 ปีการศึกษา 2559 – ครูระยอง


ประกาศเกณฑ์การแข่งขัน ศิลปหัตถกรรมนักเรียน ครั้งที่ 66 ปีการศึกษา 2559

เกณฑ์การแข่งขัน ศิลปหัตถกรรมนักเรียน ครั้งที่ 66

Print Friendly

ประกาศเกณฑ์การแข่งขัน ศิลปหัตถกรรมนักเรียน ครั้งที่ 66 ปีการศึกษา 2559

  • นักบินน้อย สพฐ. คลิกที่นี่
  • สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม คลิกที่นี่(แก้ไข  วันที่ 24 ส.ค. 59 )
  • สุขศึกษาและพลศึกษา คลิกที่นี่
  • ศิลปะ (ทัศนศิลป์ ดนตรี และนาฏศิลป์) คลิกที่นี่ (แก้ไข ณ วันที่ 22 ส.ค. 59 รายการที่16,แก้ไขหน้า 48 ยะวาเก่า)
  • การงานอาชีพและเทคโนโลยี (งานอาชีพ  คอมพิวเตอร์ ) คลิกที่นี่
  • หุ่นยนต์ คลิกที่นี่
  • ภาษาต่างประเทศ   คลิกที่นี่ (แก้ไข ณ วันที่ 19 ส.ค. 59)
  • กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน  คลิกที่นี่  (แก้ไข หน้าที่ 24 สภานักเรียน ณ วันที่ 1 ก.ย. 59)
  • ศึกษาพิเศษ โรงเรียนเรียนร่วม คลิกที่นี่ (แก้ไข  ณ วันที่ 31 ส.ค. 59)
  • การศึกษาพิเศษ เฉพาะความพิการ คลิกที่นี่ (แก้ไข ณ วันที่ 31 ส.ค. 59)

กิจกรรมท้องถิ่น 

  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
  • ภาคกลาง

ข่าวอื่นๆ

แสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

สทศ.คลอดปฏิทินสอบ GAT/PAT ปี59 – ครูระยอง


สทศ.คลอดปฏิทินสอบ GAT/PAT ปี59

สทศ.คลอดปฏิทินสอบ GAT/PAT ปี59

Print Friendly

นายสัมพันธ์ พันธุ์พฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) เปิดเผยว่า สทศ.ได้กำหนดปฏิทินการจัดการทดสอบความถนัดทั่วไป (GAT) และความถนัดทางวิชาการ/วิชาชีพ (PAT) ปีการศึกษา 2560 ดังนี้

  • รับสมัครวันที่ 10-29 สิงหาคม ผ่านทางเว็บไซต์ สทศ. www.niets.or.th
  • ชำระเงินวันที่ 10-30 สิงหาคม ชำระเงินได้ที่ธนาคารกรุงไทยและเคาน์เตอร์เซอร์วิส (ปิดระบบชำระเงินวันที่ 30 สิงหาคม เวลา 20.00 น.)
  • ตรวจสอบและแก้ไขข้อมูลผู้สมัคร วันที่ 10 สิงหาคม-2 กันยายน
  • ประกาศเลขที่นั่งสอบ สถานที่สอบ พิมพ์บัตรประจำตัวผู้เข้าสอบ วันที่ 20 กันยายน
  • สอบวันที่ 29 ตุลาคม-1 พฤศจิกายน
  • ประกาศผลสอบวันที่ 15 ธันวาคม

สำหรับการสอบ GAT/PAT ครั้งที่ 2/2560

  • รับสมัครวันที่ 7-26 ธันวาคม
  • สอบวันที่ 11-14 มกราคม 2560
  • ประกาศผลสอบวันที่ 20 เมษายน 2560

ทั้งนี้ คุณสมบัติของผู้สมัครสอบ จะต้องเป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือเทียบเท่า ม.6 หรือสูงกว่า ม.6 ขึ้นไป โดย สทศ.ได้ประชาสัมพันธ์ข้อมูลการจัดสอบ GAT/PAT ประจำปีการศึกษา 2560 เช่น เนื้อหาการสอบ รูปแบบข้อสอบ ตัวอย่างกระดาษคำตอบ ฯลฯ สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.niets.or.th

ที่มา : มติชน

ข่าวอื่นๆ

แสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

ชงปลดล็อคจบสาขาอื่นนั่งผอ.โรงเรียนได้ – ครูระยอง

Print Friendly

ผศ.ดร.พัทธนันท์ หรรษาภิรมย์โชค รองเลขาธิการศูนย์ประสานงานบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ หรือ CHES กล่าวว่า ตามที่ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ไปปรับปรุงหลักเกณฑ์การคัดเลือกผู้บริหารสถานศึกษา ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ใหม่นั้น

ตนเห็นว่าควรมีการปลดล็อคคุณสมบัติของผู้ที่จะเป็นผู้บริหารสถานศึกษาที่ต้องจบการศึกษาสาขาบริหารการศึกษาเท่านั้น โดยเปิดโอกาสให้ผู้จบการศึกษาสาขาอื่นด้วย เพราะขณะนี้ยังไม่มีงานวิจัย หรือ ข้อมูลใดๆที่ชัดเจนว่าผู้บริหารสถานศึกษาที่จบจากสาขาบริหารการศึกษาจะสามารถบริหารงานได้มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาได้ดีกว่าผู้บริหารที่จบสาขาอื่นๆ

” นอกจากนี้การที่คุรุสภา กำหนดคุณสมบัติของผู้บริหารสถานศึกษา ว่า จะต้องมีคุณวุฒิไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีทางการบริหารการศึกษาหรือเทียบเท่า เพื่อขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ขณะที่ในหลักสูตรปริญญาตรีด้านการศึกษาของทุกมหาวิทยาลัย ยังไม่มีหลักสูตรบริหารการศึกษา เพราะการเรียนระดับปริญญาตรีทุกมหาวิทยาลัยมุ่งเน้นการผลิตครูไม่ใช่ผลิตผู้บริหาร จึงเป็นการบังคับให้ผู้ที่ประสงค์จะเป็นผู้บริหารสถานศึกษาจะต้องไปเรียนปริญญาโทในสาขาบริหารการศึกษาทุกคน ”
ผศ.ดร.พัทธนันท์ กล่าว.

ที่มา : เดลินิวส์

กมธ.การศึกษาและการกีฬาฯสนช. และ สปช.ชงตั้งสำนักพัฒนาหลักสูตรแห่งชาติ เป็นหน่วยงานอิสระดูงานวิชาการ – ครูระยอง


กมธ.การศึกษาและการกีฬาฯสนช. และ สปช.ชงตั้งสำนักพัฒนาหลักสูตรแห่งชาติ เป็นหน่วยงานอิสระดูงานวิชาการ

กมธ.การศึกษาและการกีฬาฯสนช. และ สปช.ชงตั้งสำนักพัฒนาหลักสูตรแห่งชาติ เป็นหน่วยงานอิสระดูงานวิชาการ

Print Friendly

พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การศึกษาและการกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ได้เสนอความเห็นเรื่องการจัดตั้งสำนักพัฒนาหลักสูตรแห่งชาติขึ้น เป็นหน่วยงานอิสระที่อยู่ในการกำกับดูแลของกระทรวงศึการธิการ (ศธ.) ลักษณะคล้ายกับสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) และ สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) เพื่อมาทำหน้าที่ดูแลพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน จนถึงระดับอาชีวศึกษา มาให้ตนพิจารณา ซึ่งโดยหลักการตนเห็นด้วยที่งานวิชาการควรมีความเป็นเอกภาพ ไม่ใช่แยกกันอยู่ในแต่ละองค์กรหลัก ไม่มีความเข้มแข็งอย่างทุกวันนี้ แต่ข้อเสนอดังกล่าวก็ยังไม่ถือว่าตกผลึก ต้องหารือกับหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้องด้วย

พล.อ.ดาว์พงษ์ กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตามหากจะมีการจัดตั้งหน่วยงานดังกล่าวขึ้นมาจริง ต้องคิดต่อให้จบด้วยว่า คนที่อยู่ในหน่วยงานที่ดูแลเรื่องวิชาการเดิม จะย้ายไปอยู่ตรงส่วนไหน จะให้ย้ายไปอยู่หน่วยงานใหม่ทั้งหมดเลยหรือไม่ รวมถึงจะต้องดูในเรื่องความเชื่อมโยงทั้งเรื่องการจัดทำหลักสูตรการเรียนการสอนแต่ละระดับ ไป การสรรหาผู้อำนวยการ ไปจนถึงตัวรัฐมนตรีที่ดูแลระดับนโยบายด้วยว่า ควรจะอยู่ตรงไหน ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องชัดเจน ทั้งนี้ ความต้องการของตนไม่อยากให้หลุดลอยเป็นหน่วยงานอิสระมากเกินไป จะทำงานลำบาก ควรเป็นหน่วยงานอิสระด้านวิชาการที่สอดรับกับการทำงานขององค์กรหลักใน ศธ.และการศึกษาปฐมวัยด้วย

“โดยปกติรัฐบาลไม่มีนโยบายที่จะเพิ่มหน่วยงานอยู่แล้ว ดังนั้นไม่ง่ายที่ผมจะตอบตกลง ดังนั้นถ้าผมจะทำหรือเห็นพ้องกับข้อเสนอของ สนช. หรือ สปช. ก็จะต้องมีเหตุผลอธิบายกับรัฐบาลได้ชัดเจนว่ามีประโยชน์จริงหรือไม่อย่างไร ซึ่งหากไปถึงจุดนั้น ก็จะต้องมีการยกร่างกฎหมายจัดตั้งหน่วยงานใหม่ขึ้นมา คิดว่าไม่น่าจะเกินปี 2560 ก่อนเสนอให้ สนช.พิจารณาต่อไป”
พล.อ.ดาว์พงษ์ กล่าว.

ที่มา : เดลินิวส์

ข่าวอื่นๆ

แสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

อนุมัติร่างกฎ ก.ค.ศ.การให้ได้รับเงินประจำตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค. (2) – ครูระยอง

Print Friendly

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎ ก.ค.ศ. การจัดประเภทตำแหน่ง ระดับตำแหน่ง การให้ได้รับเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งของตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค. (2) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ., สำนักงาน ก.พ.ร., กระทรวงการคลังไปพิจารณาดำเนินการด้วย

โดยมีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมกฎ ก.ค.ศ. การจัดประเภทตำแหน่ง ระดับตำแหน่ง การให้ได้รับเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งของตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค. (2) พ.ศ. 2555 สรุปรายละเอียด ดังนี้

ก.ค.ศ.การให้ได้รับเงินประจำตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค. (2)

โดย : บัลลังก์ โรหิตเสถียร
ที่มา : moe

Our partners from Mexico:
Productos de salud
Carlos Torre