ผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการ คือ รับทราบแนวทางการบริหารประเทศของรัฐบาล 21 ข้อ ตามวิสัยทัศน์ “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” และผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับของขวัญปีใหม่ที่ต้องการจากรัฐบาล พ.ศ. 2560 โดยเรื่อง “การจัดการศึกษาให้เท่าเทียมกัน เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาให้ครอบคลุมและทั่วถึง” เป็นเรื่องที่ประชาชนให้คะแนนความพึงพอใจเป็นอย่างมาก
●
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับของขวัญปีใหม่ที่ต้องการจากรัฐบาล พ.ศ. 2560 ซึ่งได้ดำเนินการสำรวจมาทุกปี เพื่อเป็นช่องทางให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นและสะท้อนความต้องการที่จะให้รัฐบาลดำเนินการเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเก็บรวบรวมข้อมูลระหว่างวันที่ 1-12 พฤศจิกายน 2559 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไปทั่วประเทศ จำนวน 5,000 คน สรุปดังนี้
1. การติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการบริหารงานของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ร้อยละ 86.5 ระบุว่าติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการบริหารงานของรัฐบาล และ คสช. เช่น รายการคืนความสุขให้คนในชาติ ร้อยละ 13.5 ที่ไม่ติดตาม โดยผู้ที่ติดตามข้อมูลข่าวสารดังกล่าวระบุว่า ติดตามจากโทรทัศน์ฟรีทีวีมากที่สุด คือ ร้อยละ 53.9 รองลงมาคือ โทรทัศน์จานดาวเทียมหรือเคเบิ้ลทีวี ร้อยละ 37.2 สื่ออินเทอร์เน็ต ร้อยละ 18.6 เพื่อน ญาติ คนในครอบครัว ร้อยละ 17.0 และหนังสือพิมพ์หรือเอกสารหรือสื่อสิ่งพิมพ์ ร้อยละ 15.8
2. ความพึงพอใจต่อการบริหารงานโดยรวมของรัฐบาลที่ผ่านมา คะแนนความพึงพอใจ อยู่ที่ 7.45 คะแนน จากคะแนนเต็ม 10 เมื่อพิจารณาถึงสัดส่วนของประชาชนพบว่า ร้อยละ 79.7 ระบุว่าพึงพอใจอยู่ในระดับมาก-มากที่สุด และเมื่อพิจารณาเป็นรายภาคพบว่า ภาคใต้ให้คะแนนความพึงพอใจมากที่สุด รองลงมาได้แก่ ภาคกลาง ภาคเหนือ กรุงเทพมหานคร และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
3. เรื่องที่ประชาชนให้คะแนนความพึงพอใจต่อการบริหารงานของรัฐบาลที่ผ่านมา มากกว่า 7 คะแนนขึ้นไป จากคะแนนเต็ม 10 เช่น การจัดการศึกษาให้เท่าเทียมกัน เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาให้ครอบคลุมและทั่วถึง การปราบปรามผู้มีอิทธิพล การปราบปรามขบวนการทำลายทรัพยากรป่าไม้ / ทรัพยากรธรรมชาติและทวงคืนผืนป่า การปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์ การแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน การจัดระเบียบสังคม การยกระดับคุณภาพและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงระบบบริการสุขภาพ การส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีไทย การปราบปรามเครือข่ายยาเสพติด การปราบปรามบ่อนการพนัน การสร้างความปรองดองและคืนความสุขให้แก่คนในชาติ การช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ และการสร้างความสัมพันธ์กับต่างประเทศ
4. ความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของประเทศ คะแนนความเชื่อมั่นอยู่ที่ 7.44 คะแนน จากคะแนนเต็ม 10 เมื่อพิจารณาถึงสัดส่วนของประชาชนพบว่าร้อยละ 79.8 เชื่อมั่นอยู่ในระดับมาก-มากที่สุด และเมื่อพิจารณาเป็นรายภาคพบว่า ภาคใต้ให้คะแนนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมาได้แก่ ภาคกลาง ภาคเหนือ กรุงเทพมหานคร และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
5. เรื่องที่ต้องการให้รัฐบาลดำเนินการ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2560 ใน 5 อันดับแรก คือ การแก้ปัญหาสินค้าอุปโภคบริโภคไม่ให้มีราคาแพง รองลงมาได้แก่ การแก้ไขปัญหาหนี้สินของประชาชน การแก้ไขปัญหาผลผลิตทางการเกษตรไม่ให้มีราคาตกต่ำหรือพยุงราคา การจัดหาแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ และการแก้ไขปัญหาว่างงานหรือจัดหาอาชีพ และเมื่อพิจารณาเป็นรายภาค พบว่าภาคกลาง ภาคใต้ ภาคเหนือ และกรุงเทพมหานคร ต้องการให้รัฐบาลดำเนินการแก้ไขปัญหาสินค้าอุปโภคบริโภคไม่ให้มีราคาแพง เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ในปี พ.ศ. 2560 มากกว่าเรื่องอื่น ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือคือ การแก้ไขปัญหาผลผลิตทางการเกษตรไม่ให้มีราคาตกต่ำหรือพยุงราคา
6. ข้อเสนอแนะต่อการบริหารงานของรัฐบาล ร้อยละ 96.6 ได้ให้ข้อเสนอแนะ 5 อันดับแรก คือ การควบคุมสินค้าอุปโภคบริโภคไม่ให้มีราคาแพง รองลงมาได้แก่ การแก้ไขปัญหาผลผลิตทางการเกษตรไม่ให้มีราคาต่ำหรือพยุงราคา การแก้ไขปัญหาหนี้สินของประชาชน การแก้ไขปัญหายาเสพติด และการแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชันของข้าราชการ และนักการเมือง เมื่อพิจารณาเป็นรายภาคพบว่าภาคกลาง ภาคใต้ ภาคเหนือ และกรุงเทพมหานคร ได้ให้ข้อเสนอแนะในเรื่องการควบคุมสินค้าอุปโภคบริโภคไม่ให้มีราคาแพงมากกว่าเรื่องอื่น ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือคือ การแก้ไขปัญหาผลผลิตทางการเกษตรไม่ให้มีราคาตกต่ำ และพยุงราคา
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยมีสาระสำคัญ คือ กำหนดให้มหาวิทยาลัยเป็นสถาบันการศึกษาเฉพาะทางในศาสตร์ทางการกีฬา มุ่งพัฒนาองค์ความรู้ ส่งเสริมวิชาการทางการกีฬาและวิชาชีพชั้นสูง ผลิตและพัฒนาบุคลากรทางการกีฬา การพลศึกษา วิทยาศาสตร์การกีฬา เทคโนโลยีและอุตสาหกรรมการกีฬา บริหารธุรกิจการกีฬา และสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง เป็นศูนย์ฝึกของนักกีฬาระดับชาติ เป็นแหล่งสร้างและพัฒนาบุคลากรด้านการกีฬาชั้นเลิศของประเทศ โดยมีโรงเรียนกีฬาสำหรับฝึกฝนเยาวชนก่อนเข้าสู่มหาวิทยาลัย
ทั้งนี้ ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติสถาบันพลศึกษา พ.ศ. 2548 และให้ “สถาบันการพลศึกษา” เป็น “มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ” ตามพระราชบัญญัตินี้ มีฐานะเป็นนิติบุคคลและเป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณในสังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยแบ่งมหาวิทยาลัยออกเป็น 4 ภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ โดยให้แต่ละภาคประกอบด้วยวิทยาเขตและโรงเรียนกีฬา รวมทั้งกำหนดให้มหาวิทยาลัย ประกอบด้วยสภา 3 สภา ได้แก่ สภามหาวิทยาลัย สภาวิชาการ สภาคณาจารย์และข้าราชการ และกำหนดให้มีการประกันคุณภาพการศึกษาและการประเมินผลหน่วยงาน
โดย : บัลลังก์ โรหิตเสถียร
ที่มา : moe