ตามที่ธนาคารออมสิน ได้ออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาหนี้สินครู เพื่อที่ครูและบุคลากรทางการศึกษาจะได้ทุ่มเทความรู้ความสามารถอย่างเต็มที่ในการสอนหนังสือให้แก่เยาวชนของชาติ โดยมีครูและบุคลากรทางการศึกษา ลงทะเบียนเข้าร่วม 33,354 ราย จำนวนเงิน 49,815 ล้านบาทนั้น
รศ.นพ.กำจร ตติยกวี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เปิดเผยว่า จากการหารือร่วมกับธนาคารออมสิน เมื่อเร็ว ๆ นี้ ธนาคารออมสินแจ้งว่า ยังมีครูและบุคลากรทางการศึกษาอีกจำนวนหนึ่ง ที่ยังไม่ได้ยื่นเข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือกับทางธนาคาร ดังนั้นธนาคารออมสินจึงจำเป็นต้องดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย ซึ่งขณะนี้ธนาคารออมสิน ได้ฟ้องร้องดำเนินคดีกับครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่ไม่จ่ายหนี้ให้กับทางธนาคารติดต่อกัน จำนวน 13,000 ราย
โดยตนกำลังเร่งให้เจ้าหน้าที่ขอรายชื่อครูและบุคลากรที่กำลังถูกฟ้องอยู่ เพื่อจะได้ติดต่อเจ้าตัวรวมถึงผู้บังคับบัญชาว่า จะให้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ช่วยเหลืออะไรได้บ้าง เพราะหากถูกฟ้องก็จะเข้าเครดิตบูโรทันที ไม่สามารถทำนิติกรรมอะไรได้อีก ซึ่งจะดูแล และสอบถามรายละเอียดทั้งหมดว่า ใครอยากจะให้ช่วยอะไร แต่หากใครไม่อยากให้ช่วยก็ไม่ต้องตอบคำถามว่า นำเงินไปใช้ทำอะไร
“ผมยังไม่ทราบว่าที่ครูไปกู้เงิน และเป็นหนี้สินจำนวนมาก เขานำเงินไปใช้จ่ายอะไร ส่วนใหญ่จะบอกว่านำเงินไปใช้จ่ายเรื่องการศึกษาบุตร ดูแลบิดามารดา แต่ข้อมูลอีกทางหนึ่ง ก็บอกว่านำเงินไปใช้จ่ายเพื่อความอำนวยความสะดวก เช่น ซื้อบ้าน ซื้อรถ ซื้อสิ่งของมีค่า เป็นต้น และส่วนหนึ่งก็กู้เพื่อนำเงินไปลงทุนซื้อที่ทำสวนยางพารา ทำรีสอร์ท แต่ก็ต้องรู้ว่าการกู้เงินจะต้องมีความสามารถที่จะจ่ายหนี้ได้ด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ ก็ต้องมาคุยกันว่าจะสามารถช่วยอะไรได้บ้าง แต่ถ้าให้ช่วยจะต้องขอรายละเอียด มิฉะนั้นก็จะไม่สามารถช่วยอะไรได้”
ปลัด ศธ.กล่าว
ที่มา : สยามรัฐ