“ณรงค์” แจงโยกผู้บริหารเพื่อความเหมาะสม-พร้อมนั่งหัวโต๊ะคุม 3 บอร์ดเอง
พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยถึงกรณีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้โยกย้ายผู้บริหารระดับสูงของ ศธ.ว่า เหตุผลของการโยกย้ายเป็นไปตามที่ระบุ เพื่อความเหมาะสมไม่มีเหตุผลอื่น หรือมีเรื่องไม่เหมาะสม และไม่เกี่ยวข้องกับกรณีข้าราชการ 100 รายชื่อที่มีปัญหาการทุจริต โดยทั้ง 3 ท่านเป็นบุคคลที่มีคุณภาพ อาทิ นางสุทธศรี วงษ์สมาน เลขาธิการสภาการศึกษา เคยทำงานที่สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) มาตลอด เช่นเดียวกับ รศ.ดร.พินิติ รตะนานุกูล เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (เลขาธิการ กกอ.) ที่เดิมก็เคยทำงานที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) มานานเช่นกัน ดังนั้นช่วงเวลา 5 เดือนก่อนที่ทั้ง 2 ท่านจะเกษียณอายุราชการจึงต้องการไปวางระบบการทำงานในหน่วยงาน ส่วน รศ.นพ.กำจร ตติยกวี อดีตเลขาธิการ กกอ.มาเป็นปลัด ศธ.นั้น ส่วนหนึ่งก็เพื่อให้มาช่วยดูแลปัญหาสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) องค์การค้าของ สกสค.ด้วย
“คำสั่งโยกย้ายผู้บริหาร อาจจะมีผลเชื่อมโยง แต่ไม่มีผลต่อกัน เพราะผู้บริหารทั้งหมดก็มีตำแหน่งเป็นกรรมการอยู่ใน สกสค.ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับที่มีคำสั่งให้คณะกรรมการ สกสค., คณะกรรมการบริหารองค์การค้าฯ และคณะกรรมการคุรุสภาพ้นจากตำแหน่ง ทั้งนี้ ที่ผ่านมาบอร์ด สกสค.และบอร์ดบริหารองค์การค้าฯ มีปัญหาการร้องเรียน ความไม่โปร่งใสมายาวนาน อีกทั้งบอร์ดทั้งสองชุดก็มีความเกี่ยวโยงกัน โดยจะเห็นว่ากรรมการในบอร์ด สกสค.กับกรรมการในบอร์ดบริหารองค์การค้าฯ เกือบจะเป็นชุดเดียวกันทั้งหมด และหน่วยงานเหล่านี้เป็นหน่วยงานที่มีผลประโยชน์จำนวนมาก ดังนั้น คสช.จึงเห็นว่ากฎหมายปกติอาจจะไม่สามารถเข้าไปดำเนินการอะไรได้ จึงต้องใช้อำนาจของ คสช.ในการดำเนินการ ขณะเดียวกันยังให้มีการตรวจสอบโดยคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ซึ่งถ้าไม่ผิดก็ไม่มีปัญหา” พล.ร.อ.ณรงค์กล่าว
รมว.ศึกษาธิการกล่าวต่อว่า ส่วนกรณีมีคำสั่งให้ เลขาธิการคุรุสภา เลขาธิการ สกสค.และผู้อำนวยการองค์การค้าฯ ยุติการปฏิบัติหน้าที่นั้น เนื่องจากทั้ง 3 ตำแหน่งมาจากการสรรหาของบอร์ดในแต่ละหน่วยงาน เพราะฉะนั้นการจ้างงานต่อหรือไม่ รวมถึงโครงการต่างๆที่ดำเนินการไว้จะดำเนินการอย่างไรก็ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของบอร์ดชุดใหม่ ซึ่งแม้ตนไม่สามารถตัดสินใจคนเดียวได้ ต้องหารือที่ประชุมและผู้เกี่ยวข้อง เบื้องต้นตนจะนั่งเป็นประธานบอร์ดทั้ง 3 ชุดเพื่อจะเร่งแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด และเร็วๆ นี้จะมีการแต่งตั้งข้าราชการในระดับเดียวกันเข้าไปรักษาราชการในตำแหน่งเลขาธิการทั้งสามตำแหน่งก่อน อย่างไรก็ตาม ตนตั้งใจเข้าไปสะสางปัญหาต่างๆ ให้ได้เท่าที่ทำได้ทั้งหมด เชื่อว่าปัญหาที่เกิดขึ้นคงไม่ลึกเกินกว่าที่จะเข้าไปตรวจสอบ นอกจากนั้นยังมี คตร.ที่เข้าไปช่วยตรวจสอบเบื้องต้นให้ จากนี้คงจะดูรายละเอียดในหลายๆ รวมถึงตรวจสอบข้อเท็จจริงในการกระทำผิด ซึ่งหากมีความจำเป็นก็อาจจะต้องทบทวนโครงสร้างองค์กร องค์ประกอบ รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วย
ที่มา : ผู้จัดการ