สคล.-สสส.จัดกิจกรรมเชิดชูครู “ป้ามล” ต้นแบบครูผู้กล้าเปลี่ยน ดึงเด็กก้าวพลาดกลับคืนสู่สังคม “อดีตเด็กบ้านกาญฯ” เผยได้ชีวิตใหม่กลับใจเป็นคนดีเพราะแง่คิดคำสอนจากป้ามล ด้าน “รองผู้ว่าฯ กทม.”หวังช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้ครู นักเรียน บุคคลทั่วไปในการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า
วันนี้ (11 ม.ค.) ที่โรงแรมเอบีน่าเฮ้าส์ เมื่อเวลา10.00 น. นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานกล่าวเปิดกิจกรรมเนื่องในโอกาสวันครู และเชิดชูต้นแบบครูผู้กล้าเปลี่ยน “ป้ามล” ทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก จัดโดย สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล มูลนิธิสื่อเพื่อเยาวชน เครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ภายในงานมีการร่วมร้องเพลงจุดเปลี่ยน การอ่านบทกวี “ครูคือใคร” และพิธีไหว้ครูที่เคารพจากกลุ่มนักเรียน นักศึกษาที่เข้าร่วมกว่า 150 คน
นางทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก แสดงปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “เพื่ออนาคตลูกหลานไทย (ผู้ใหญ่) ควรทำอย่างไรดี” ว่า ตนต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะทำให้ทุกคนเห็นว่า ความพิการทั้งกาย และจิตใจของเด็กๆ นั้นมาจากเชื้อโรคที่เรียกว่า “คนทำ” การที่สังคมวางเฉยต่อเรื่องเหล่านี้จึงไม่ต่างอะไรจากการเป็นผู้เพาะเชื้อ และขอให้เชื่อว่าความผิดพลาดในชีวิตของเด็กไม่ได้เกิดจาการไม่มีทักษะอาชีพ แต่เป็นเพราะเด็กยังไม่มีทักษะในการจัดการกับความทุกข์ ความรัก ความจนความคับแค้นในชีวิต แม้สถานพินิจฯ จะเป็นสถานที่ที่สามารถบำบัดฟื้นฟูเยาวชน และคืนคนดีกลับสู่สังคม ขณะเดียวกัน ต้องไม่ลืมว่าเด็กที่ถูกกระทำด้วยความรุนแรงของผู้คุมจะหมดศรัทธาในระบบความยุติธรรม ไม่ศรัทธาในผู้ใหญ่ ไร้ศรัทธาในเจ้าหน้าที่ และที่เลวร้ายที่สุดคือ เขาจะยอมแพ้ที่จะศรัทธาในความดีที่เหลืออยู่ในตัวเอง
“กระบวนการที่บ้านกาญฯ ใช้คือจะให้เด็กๆ มองที่ตัวเอง ว่าเขามีอะไรที่หายไป มีอะไรที่เหลืออยู่ อย่าให้ปัญหาต่างๆ มาปิดกั้นแสงสว่าง และโอกาสในชีวิต ซึ่งผู้ใหญ่ไม่ต้องกังวลว่าเด็กจะไม่รู้ว่าอะไรดีอะไรไม่ดี เพราะเด็กเหมือนต้นไม้พวกเขาโตเข้าหาแสงเสมอ จึงอยากให้ผู้ใหญ่ช่วยทำตัวเป็นแหล่งกำเนิดแสงให้เด็ก เพราะการไปด่าไปว่าเด็กซ้ำๆ ไม่ได้ทำให้อะไรๆ ดีขึ้น ผลคือ เด็กจะจำไม่ได้อีกต่อไปว่าตัวเองก็มีด้านดีอยู่ เมื่อเด็กเชื่ออย่างนั้นแล้วก็ยากที่จะแก้ไขได้ ดังนั้น เราต้องช่วยกันเป็นครู คอยหล่อหลอมเด็ก สร้างเด็กด้วยความเข้าใจ อย่าลืมว่าเด็กทุกคนต้องการความรักในปริมาณที่มาก และจะต้องการมากที่สุดในวันที่เขาทำเรื่องไม่ดีทำเรื่องเลวร้ายที่สุด วันที่เขาโดนจับ วันที่เด็กหญิงคนหนึ่งตั้งท้อง วันที่เขาเป็นผู้แพ้ ทุกวันนี้สังคมไทยมีพื้นที่ดีๆ ที่ให้โอกาสเด็ก เยาวชน ทำสิ่งดีๆ สร้างสรรค์ น้อยมาก แต่กลับปล่อยให้ผู้ใหญ่บางกลุ่มบางพวกเห็นเด็ก เยาวชนเป็นเหยื่อ หาผลประโยชน์แม้จะทำลายชีวิต อนาคตของเยาวชน เช่น บรรดาอบายมุข สิ่งเสพติดทั้งหลาย ผู้มีอำนาจในสังคมไทยจึงต้องตระหนักถึงปัญหานี้ให้มาก” นางทิชา กล่าว
นายเอ (นามสมมติ) อายุ 27 ปี อดีตเยาวชนที่เคยใช้ชีวิตในศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก กล่าวว่า เคยต้องโทษคดีชิงทรัพย์ตอนอายุ 16 ปี และอยู่ที่บ้านเมตตาได้ไม่นานขอทำเรื่องย้ายไปอยู่ที่บ้านกาญฯ แรกๆ ไม่เคยเชื่อว่ากระบวนการจากบ้านกาญฯ จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ แต่เมื่อได้เจอป้ามล ทำให้เรียนรู้อะไรจากที่นั่นมากมาย ป้ามลเป็นทั้งแม่ทั้งครู สอนให้รู้จักการให้เกียรติเคารพผู้อื่น ที่ผ่านมา ได้รับโอกาสจากป้ามลเยอะมาก ไม่คิดว่านอกจากพ่อแม่จะมีใครที่หวังดีกับเรา แม้จะเคยทำผิดลาดบ่อยครั้ง เช่น แสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ก้าวร้าว ไม่เคารพกฎในบ้าน และที่ร้ายแรงคือ มีเรื่องชกต่อยกับครู่อริในบ้านกาญฯ จนต้องถูกส่งไปดำเนินคดีหลายครั้ง แต่ป้ามล ก็ให้โอกาส ไม่เคยโกรธ หรือแสดงความไม่พอใจ ขณะเรียกให้ไปพบก็คอยอบรมสั่งสอน มีคำแนะนำในสิ่งดีๆ ทำให้ฉุกคิดจนตั้งสติได้เห็นถึงอนาคต
“กว่า 8 เดือนที่ผมได้อยู่ที่บ้านกาญฯ ทำให้รู้ว่านี่คือบ้านที่อบอุ่น และป้ามลเป็นครูคนแรกที่ให้โอกาส สอนผมทุกอย่างทำให้ผมคิดได้ และเลิกต่อต้าน เลิกเอาแต่ใจ เลิกเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ ป้ามลเป็นครูที่ให้ชีวิตใหม่ หากเปรียบก็คงเป็นเหมือนไม้พายเรือที่คอยช่วยให้เด็กคนนี้ไปถึงฝั่ง จนปัจจุบันนี้ผมได้นำสิ่งดีๆ ที่ป้ามล และกระบวนการจากบ้านกาญฯ มาใช้ในการดำเนินชีวิต และการทำงานของผม” นายเอ กล่าว
ขณะที่ ดร.ผุสดี ตามไท รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวในฐานะเพื่อนที่ร่วมทำงาน และสนับสนุนส่งเสริมกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน ว่า ป้ามล เป็นคนที่มีลักษณะพิเศษ 4 อย่าง คือ
- เชื่อมั่นและศรัทธาในความดีของทุกคน
- มีความอดทนสูง ติดตามและแก้ไขปัญหาต่อสิ่งที่ท้าทายเสมอ
- เป็นนักสู้ที่ยืนหยัดบนความถูกต้อง กล้าเผชิญต่อสิ่งต่างๆ เพื่อเด็กเยาวชน
- รักคนอื่นโดยไม่มีเงื่อนไข
ที่ผ่านมาป้ามล สามารถดึงเด็กที่ก้าวพลาด กล่อมเกลา ให้โอกาสจนคืนกลับสู่สังคมอย่างมีคุณภาพ โดยมองที่หลักการไม่มองที่ตัวบุคคล สิ่งต่างๆ เหล่านี้จึงเป็นเหมือนการสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ครู นักเรียน และบุคคลทั่วไปในการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า ป้ามล เป็นผู้หญิงธรรมดาที่มีพลังยิ่งใหญ่ กล้าคิด กล้าทำ นำมาสู่การเปลี่ยนแปลงได้ อย่างไรก็ตาม ขอฝากให้กำลังใจ และชื่นชมครูทุกท่านที่ร่วมกันทำงานหนักบ่มเพาะเด็กๆ เพื่อเป็นอนาคตของชาติต่อไป
ที่มา : ผู้จัดการ