สพฐ.สั่งโยกผอ.สพม.เขต2และเขต6

Print Friendly

สั่งโยก ผอ.สพม.เขต 2 และ ผอ.สพม.เขต 6 คาดเกี่ยวเนื่อง รร.มีปัญหา เลขาฯ ก.ค.ศ.เผยทำตามที่ สพฐ.เสนอ พร้อมปรับหลักเกณฑ์คัดเลือกผู้แทนคุรุสภาจากเสนอชื่อเป็นสมัครคัดเลือกแทน แก้ปัญหาเรียกร้องผลประโยชน์

นางรัตนา ศรีเหรัญ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (เลขาฯ ก.ค.ศ.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการ ก.ค.ศ. ที่มี พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมอนุมัติแต่งตั้งและโยกย้ายผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เสนอจำนวน 4 ราย ได้แก่ นายสัจจา ศรีเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) 2 กทม. เป็น ผอ.สพม.เขต 13 (ตรัง-กระบี่), นายไพรัช แสงทอง ผอ.สพม.เขต 13 เป็น ผอ.สพม.เขต 2 กทม., นายยงยุทธ ทรัพย์เจริญ ผอ.สพม.เขต 6 เป็น ผอ.สพม.เขต 3 (นนทบุรี-อยุธยา) และนายนพพร พิพิธจันทร์ ผอ.สพม.เขต 3 เป็น ผอ.สพม.เขต 6 (ฉะเชิงเทรา-สมุทรปราการ) โดยการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้เป็นไปตามความเหมาะสมในการทำงาน

“สำหรับการสั่งย้ายนายสัจจาจะเกี่ยวข้องกับปัญหาที้เกิดในพื้นที่หรือไม่นั้น ต้องไปถามทางต้นสังกัดคือ สพฐ.ซึ่งเป็นผู้เสนอมา” เลขาธิการ ก.ค.ศ.กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานข่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา สพม.เขต 2 มีปัญหาเกิดขึ้นหลายเรื่อง อาทิ เรื่องการสอบสวนอดีต ผอ.รร.สตรีวิทยา 2 ล่าช้า และยังไม่ได้ข้อสิ้นสุด ส่วน สพม.เขต 6 ก็มีปัญหาเรื่องการร้องเรียนว่า ผอ.โรงเรียนนวมินทราชินูมิศ สวนกุหลาบ สมุทรปราการ กรณีปลอมลายเซ็นประธานคณะกรรมการสถานศึกษา ในเอกสารให้ความเห็นประกอบการพิจารณาขอย้ายตัวเองไปเป็น ผอ.โรงเรียนขนาดเดียวกันใน จ.ฉะเชิงเทรา และเรื่องที่มีการร้องเรียนว่า ผอ.ดังกล่าวทุจริตการเช่าเครื่องปรับอากาศติดในห้องเรียน 59 เครื่อง ในราคาเครื่องละ 3 แสนบาท รวมมูลค่ากว่า 18 ล้านบาท ระยะเวลาเช่า 5 ปี

นางรัตนากล่าวอีกว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังเห็นชอบบรรจุและแต่งตั้งผู้ได้รับการคัดเลือกและผ่านการพัฒนา ก่อนการแต่งตั้งนายอภิชัย ทำมาน รอง ผอ.สพป.นครพนม เขต 1 เป็น ผอ.สพป.กาญจนบุรี เขต 2 ที่ประชุมอนุมัติจัดสรรอัตราข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่เกษียณอายุอายุเมื่อปีงบประมาณ พ.ศ.2557 จำนวน 13,458 อัตรา โดยถือเป็นการคืนอัตราให้หน่วยงานต้นสังกัดเดิมจำนวน 100% ดังนี้ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ จำนวน 10 อัตรา สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จำนวน 1 อัตรา สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) จำนวน 3 อัตรา สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) จำนวน 71 อัตรา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) จำนวน 489 อัตรา และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จำนวน 12,884 อัตรา

นางรัตนากล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบ (ร่าง) แก้ไขปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการได้มาของอนุกรรมการผู้แทนคุรุสภา ในคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) เขตพื้นที่การศึกษา เรื่องจากองค์ประกอบความเปลี่ยนแปลงไปตามคำสั่งของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ให้คณะกรรมการคุรุสภาชุดเดิมพ้นจากหน้าที่ ทำให้ไม่มีผู้แทนข้าราชการครู ดังนั้น ก.ค.ศ.จึงได้เห็นชอบให้ปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการได้มาของอนุกรรมการผู้แทนคุรุสภาใน อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา โดยให้สำนักงานเลขาธิการคุรุสภาประกาศรับสมัครบุคคลที่มีคุณสมบัติตามที่ ก.ค.ศ.กำหนด และตั้งคณะกรรมการซึ่งไม่มีส่วนได้-ส่วนเสียในการพิจารณาจำนวน 7 คน โดยมีเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) เป็นประธานคัดเลือกผู้สมัครให้เหลือเขตละ 2 คน และให้ส่งให้ ก.ค.ศพิจารณา ขณะเดียวเขตพื้นที่ฯ ตั้งคณะกรรมการคัดเลือกจำนวน 7 คน โดยกำหนดผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาเป็นประธานการคัดเลือกให้เหลือเขตพื้นที่การศึกษาละ 2 คน ส่งรายชื่อให้ ก.ค.ศ.พิจารณา เพื่อให้ อ.ก.ค.ศ.เฉพาะกิจพิจารณารายชื่อที่ได้รับจากทั้งสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา และเขตพื้นที่ฯ จำนวน 4 คน คัดเลือกให้เหลือ 2 คน เพื่อเสนอ ก.ค.ศ.พิจารณาตั้งเป็นอนุกรรมการผู้แทนคุรุสภาต่อไป

“การปรับแก้หลักเกณฑ์ครั้งนี้จะต่างจากเดิมที่ใช้เขตพื้นที่ฯ และผู้แทนข้าราชการครูในคุรุสภาเสนอชื่อ มาเป็นให้ผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมสมัครเข้ารับการคัดเลือกแทน ซึ่งนอกจากเหตุผลในเรื่ององค์ประกอบที่มีความเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ยังเป็นการแก้ปัญหาเรื่องการเรียกรับผลประโยชน์ ซึ่งเป็นข้อร้องเรียนในการดำเนินการสรรหาผู้แทนครูและบุคลากรทางการศึกษา ในอนุกรรมการ ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) ครั้งที่ผ่านมา โดยจะเริ่มใช้หลักเกณฑ์นี้ในการคัดเลือกผู้แทนครูและบุคลากรทางการศึกษา ในอนุกรรมการ ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) จำนวน 42 เขต ซึ่งครบวาระไปแล้ว และ อ.ก.ค.ศ.สพป.ที่กำลังจากครบวาระอีกเร็วๆ นี้” เลขาฯ ก.ค.ศ.กล่าว.

ที่มา : ไทยโพสต์

krurayong

ผู้เขียน: krurayong

สุธาราทิพย์ แสงสุวรรณ เป็นที่ปรึกษาและติดยาเสพติดอายุ 31 ปีที่โรงพยาบาลศรีวิชัย เธอสำเร็จการศึกษาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในปี 2553 เธอทำงานกับทั้งวัยรุ่นและผู้ใหญ่เพื่อจัดการกับปัญหาการเสพติดและพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดและแอลกอฮอล์ ในเวลาว่างของเธอเธอมีส่วนร่วมในชมรมละครของชุมชนท้องถิ่น