เผยผลการประเมินของสมศ.ในรอบ15ปี ร.ร.ขนาดเล็ก ยืนยันมีคุณภาพเท่าเทียมกัน

Print Friendly

สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) (สมศ.) เผยผลการประเมินคุณภาพการศึกษาในรอบ 15 ปีที่ผ่านมา โดยมีสถานศึกษาที่ได้รับผลประเมินดีมากทั้ง 3 รอบ จำนวนเพียง 354 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 1.10 แบ่งเป็นสถานศึกษาขนาดเล็ก ได้ผลประเมินดีมากทั้ง 3 รอบ 127 แห่ง จากจำนวน 22,985 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 0.55 และสถานศึกษาขนาดใหญ่-ใหญ่พิเศษ ได้รับผลประเมินดีมากทั้ง 3 รอบ จำนวน 148 จากทั้งหมด 2,072 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 7.14 ซึ่งผลการประเมินสะท้อนให้เห็นว่าสถานศึกษาส่วนใหญ่ยังไม่ตื่นตัวต่อการประเมินของ สมศ.

สะท้อนคำถามที่ว่าเหตุใดการศึกษาไทยจึงยังไม่พัฒนา ดังนั้น สถานศึกษา จึงควรนำผลกระเมินไปใช้ในการปรับปรุงและพัฒนาการจัดการศึกษาของแต่ละสถาบัน เพื่อการพัฒนามาตรฐานการศึกษาไทย ทั้งนี้ โรงเรียนขนาดเล็กหรือใหญ่สามารถมีคุณภาพเท่าเทียบกันได้ ขึ้นอยู่กับความใส่ใจของบุคลากร และวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร ดังเช่นโรงเรียนบ้านเหล่ายาว จ. ลำพูน ซึ่งเป็นโรงเรียนเล็กในชุมชน เป็นหนึ่งในโรงเรียนที่ได้รับการประเมินดีมากทั้ง 3 รอบ เนื่องจากคุณครูให้ความสำคัญ ชุมชนให้ความร่วมมือ ขณะที่โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย เป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ของภาคเหนือก็ได้ผลประเมินดีมาก 3 รอบเช่นกันจากตัวชี้วัดเดียวกันจะเห็นได้ว่า แม้ว่าจะเล็กหรือใหญ่หากให้ความสำคัญกับการประเมินและนำไปปรับใช้ ก็สามารถพัฒนาโรงเรียน ให้มีคุณภาพ และสร้างอนาคตของชาติที่มีคุณภาพได้เช่นกัน

นาย นิคม พรหมอนันต์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านเหล่ายาว กล่าวว่า กล่าวว่า โรงเรียนบ้านเหล่ายาวเป็นโรงเรียนในชุมชมที่นักเรียนส่วนมากเป็นชาวยอง ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองของจังหวัดลำพูน ปัจจุบันมีนักเรียนจำนวน 135 คน เปิดสอนตั้งแต่เตรียมอนุบาลจนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งโรงเรียนบ้านเหล่ายาวถือเป็นโรงเรียนขนาดเล็กโรงเรียนเดียวของจังหวัดลำพูนที่ได้รับการประเมินจาก สมศ. ดีมากทั้ง 3 รอบ ซึ่งผลสำเร็จทั้งหมดเกิดจากการตื่นตัวของครูในโรงเรียนที่มีต่อการประกันคุณภาพภายใน

โดยจะมีการเตรียมความพร้อมอยู่ตลอดเวลา จะต้องมีการวางแผน กำหนดวัตถุประสงค์ และเวลาความสำเร็จของทุกกิจกรรมทั้งในด้านวิชาการ และด้านการเรียน ทุกอย่างต้องมีความเป็นกระบวนการ และส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาครูและบุคลากรให้มีความรู้ ความสามารถ มีทัศนคติที่ดีต่อวิชาชีพ เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเน้นการจัดการของผู้บริหารให้มีระบบบริหารที่มีประสิทธิภาพโดยที่บุคลากรและครูทุกระดับชั้นต้องมีส่วนร่วมในการดำเนินงาน ซึ่งถือเป็นพื้นฐานที่ทุกโรงเรียนควรทำ อีกสิ่งสำคัญคือต้องรู้จักทำงานให้เป็นประจำวัน ซึ่งจะทำให้การเตรียมตัวรับการประเมินจาก สมศ. ไม่ยุ่งยากอย่างที่เป็นอยู่

ปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ที่ว่าคนยังไม่เข้าใจถึงข้อดีของการประเมิน และไม่มีการเตรียมความพร้อมตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แต่มาเร่งทำในช่วงเวลาที่โรงเรียนใกล้จะถูกประเมินแล้ว เพราะการประเมินเป็นเหมือนตัวกระตุ้นให้ผู้ปฏิบัติย้อนดูว่า สิ่งที่ทำนั้นบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้หรือไม่ แล้วเราควรต้องแก้ไขอย่างไร ซึ่งความสำเร็จของโรงเรียนบ้านเหล่ายาว ถึงแม้บ้านเหล่ายาวจะเป็นโรงเรียนขนาดเล็กและมีครูเพียงแค่ 11 คน แต่ครูทุกคนล้วน ตื่นตัวต่อการประเมิน ด้วยการอาศัยตัวชี้วัด ทั้ง 12 ข้อ และนำข้อแนะนำของ สมศ. มาเป็นพื้นฐานในการกำหนดเป้าหมายและกลยุทธ์ในการพัฒนาการเรียนการสอนของครูในโรงเรียน ตลอดจนอาศัยความมีส่วนร่วมตั้งแต่ ครู ผู้ปกครอง กรรมการ ผู้นำหมู่บ้าน และชาวบ้านในพื้นที่ จึงทำให้โรงเรียนมีความใกล้ชิดกับชุมชน คุณครูมีความสุขในการสอน จึงสอนได้อย่างมีคุณภาพ

ที่มา : moe

krurayong

ผู้เขียน: krurayong

สุธาราทิพย์ แสงสุวรรณ เป็นที่ปรึกษาและติดยาเสพติดอายุ 31 ปีที่โรงพยาบาลศรีวิชัย เธอสำเร็จการศึกษาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในปี 2553 เธอทำงานกับทั้งวัยรุ่นและผู้ใหญ่เพื่อจัดการกับปัญหาการเสพติดและพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดและแอลกอฮอล์ ในเวลาว่างของเธอเธอมีส่วนร่วมในชมรมละครของชุมชนท้องถิ่น